見出し画像

Kaigoとまちづくり_高齢社会への対応と都市計画の進化

Well-Aging Thailand Live0730の振り返りレポート

高齢社会と都市再開発の現状


日本が直面している超高齢社会の進行は、都市の構造や機能に大きな変化をもたらしています。これまで主に住宅地や教育機関として使われてきた土地が、今では高齢者向けの施設に再利用されるケースが増えています。特に首都圏では、団地や学校跡地を老人ホームに転用する取り組みが進行中です。

例えば、古くなった団地は耐震性の高い建物に立て替えられ、その際に老人ホームが併設されることが一般的になっています。これらの再開発は、少子化によって使われなくなった学校を含む建物の有効活用としても行われています。具体的には、東京都や神奈川県、埼玉県などでは、子供の数が減少して統廃合された小学校や中学校の跡地が、老人ホームとして再利用される事例が増えています。

タイにおいても少子化が進んでおり、日本と同様の課題に直面する可能性があります。特に交通の不便さが問題となっている田舎地域では、小学校の閉鎖が地域社会に与える影響が懸念されています。これまで日本のような都市再開発が進んでいないタイにとって、これからがまさにその課題に取り組む時期と言えるでしょう。

タイにおける学校の統廃合とその影響


タイでは、学校の統廃合が進む中で、かつて使われていた学校が閉鎖され、そのまま放置されているケースが増えています。村ごとにあった学校が統合され、いくつかの学校が閉鎖された結果、現在は利用されていない学校が増加しています。日本では、閉鎖された学校や団地の跡地が高齢者向けの施設に転用されるケースが多く見られますが、これは特に首都圏で顕著です。

東京や神奈川、埼玉などの首都圏では、土地不足が深刻であるため、閉鎖された学校跡地に老人ホームを建設することが一つの解決策となっています。タイでも、今後同様の動きが予想され、学校や他の施設が高齢者向け施設に転用される可能性があるでしょう。ただし、タイにはまだ土地に余裕があるため、すぐに日本と同様の状況になるとは限りません。

Pornchaiさんが住む団地でも高齢化が進んでおり、住民の平均年齢が上昇しています。30年前は若い家族が多かった団地も、現在では住民の多くが高齢者になり、住環境が大きく変わっています。このように、タイでも高齢化が進む中、これからの街づくりがどう変わるかが議論されています。高齢者が住みやすい街への変革が、今後の重要な課題として浮上してくるでしょう。

日本における団地の再利用とKaigo施設の増加


日本では、戦後に多くの団地が建設されましたが、これらの団地が老朽化する中で、再利用の一環として老人ホームが建設されることが増えています。昭和の時代に建てられた団地には、例えばお風呂が後付けでバルコニーに設置されていたものもありました。これらの団地は、現代のニーズに合わなくなり、老人ホームへと建て替えられるようになりました。


団地が老人ホームへ建て替えられた

東京都などの都市部では、土地不足が深刻化する中で、学校や団地などの跡地を老人ホームに再利用することが頻繁に行われています。この背景には、急速に進む高齢化社会への対応として、Kaigo施設のニーズが急増していることがあります。特に大規模な老人ホームが求められる中で、土地の確保が重要な課題となっていました。

しかし、近年では日本において新たに大規模な老人ホームを建設する時代は終わりつつあります。代わりに、在宅ケアや訪問サービスを充実させ、地域全体でバランスの取れたKaigoサービスを提供することが重視されています。日本の都市計画では、老人ホームや在宅ケアサービスをどのように配置するかが重要視されており、データに基づいた計画が進められています。


厚生労働省作成2015年の介護を投稿者が加筆作成した図

一方で、タイではまだ日本のように詳細な都市計画やKaigo計画は進んでいません。高齢者のための街づくりは少なく、都市のレイアウトや土地利用計画が中心となっている状況です。例えば、産業用地や農業用地、住宅用地の区分けなどは行われていますが、高齢者を意識した計画はまだ十分に進んでいないといえます。

日本とタイの街づくりの違い


日本とタイの街づくりには大きな違いがあります。日本では各県や市が自立しており、地方自治体が独自に税金を集めて運営しています。これに対し、タイでは中央政府が全てを管理しており、地方に政策が下ろされる形が主流です。この中央集権的な管理は、タイの国境の広さや安全保障の観点から必要とされています。

タイではまだ地方自治が十分に確立されておらず、街づくりにおいても中央政府による管理が強く影響しています。例えば、日本では高齢化率が14%を超えた時点で、社会の仕組みやインフラの変革が必要と認識されてきました。このため、都市計画やKaigo計画が進められ、街づくりが行われてきたのです。

一方で、タイも高齢化社会に差し掛かっており、日本のように高齢者に配慮した街づくりが求められる時期が近づいています。例えば、日本ではマンション建設時に水の流れや排水システムについて厳格な計画が求められますが、タイではまだインフラ整備が不十分な地域が多く、道路舗装や排水システムの整備が必要な状況です。

タイでも法律は厳しくなってきているものの、実際の運用には課題が残っています。特に洪水対策やインフラ整備においては、まだ不十分な点が多くあります。日本はこうした都市計画を進める中で、変化が遅いと感じられることもありますが、実際には早く対応していると考えられています。タイにおいても、人口構造の変化を見据えた研究や計画が今後進められることが期待されます。

タイにおける高齢社会への意識と課題


タイ国内では、高齢社会への関心が最近高まりつつありますが、まだ完全に浸透しているわけではありません。この2〜3年で高齢社会への関心が急激に高まった背景には、コロナ禍が大きな影響を与えました。コロナによって医療システムが逼迫し、さらに2021年にタイが高齢社会に突入するという発表がされ、社会的な意識が一気に高まりました。

しかし、タイでは少子化の問題が先に注目されており、それが高齢化の進行と相まって、社会保険制度の破綻が懸念されています。出生率が大幅に低下し、子どもの数が減少しているため、大学が閉鎖されるなど、社会全体に影響が出始めています。また、タイの都市と地方の格差問題も、少子化と高齢化の進行によって悪化しています。

バンコクに集中する発展と、地方の過疎化は、日本でもかつて見られた問題です。タイでも、若者が都会に集中し、地方に高齢者だけが残るという現象が起きています。これに対し、日本では都市と地方のバランスを取りながら、都市計画やKaigo計画が進められています。都市部の過密と地方の過疎を解消するために、さまざまな政策が取られており、これが高齢社会への対応として重要です。

タイでは、政治的な意識が高まってきており、特に若者が選挙に積極的に参加するようになっています。新しい政府が誕生する際に、若者たちが選挙に大きな関心を持ち始め、自分たちの将来に対する意識が高まっています。選挙に参加することは、タイでは義務であり、投票を行わないと将来的に選挙に立候補する権利が制限されることがあります。これにより、国民が政治に参加し、自分たちの将来を見据えた行動を取ることが促されています。

高齢社会への対応としてのウェルネス教育


タイでは、ウェルネスに関する教育が進んでおり、アンチエイジングや健康寿命の延伸が話題となっています。しかし、高齢社会への具体的な対策にはまだ至っていません。多くの人が高齢化の問題を意識し始めていますが、実際に困りごとが起きたときに行動に移すことが多いのが現状です。

日本では、Kaigo保険制度が導入されたことで、高齢化社会への対応が劇的に進みましたが、タイはまだその入り口に立った段階です。今後は、問題意識を持った人々がリーダーシップを発揮し、ディスカッションを始めることが重要だと指摘されています。ベルさんのように情報発信を続けることが、将来的に大きな変化をもたらす可能性があります。

また、タイでも高齢社会に対する関心が高まりつつあり、特にコロナ禍がそのきっかけとなっています。高齢者が増える中で、社会全体でどのように対応していくかが重要な課題となっています。日本では、高齢者が住み慣れた町で暮らし続ける「Aging in Place=地域居住」の理念が重要視されており、この考え方をタイでも共有することが求められています。


Aging in Place

ベルさんも、自分の母親の将来を考え、自分が何ができるかを模索していると述べています。将来のために、今からできることを考え、準備することが大切だと感じているのです。最終的に、タイの高齢者の声をしっかりと聞くことが重要であり、これからの対策や政策に活かしていくことが必要だと締めくくられました。

これから、ここから


高齢社会への対応は、都市計画やKaigoサービスの充実と密接に関連しています。日本が進めてきた高齢者に配慮した街づくりやAging in Place=地域居住の理念は、タイにも応用可能です。タイがこれから直面する高齢化の課題に対して、日本の経験から学ぶことが多いでしょう。高齢者が住みやすい街を作るためには、今からできることを一つ一つ積み重ねていくことが重要です。


以下は、上記の文章をタイ語に翻訳したものです。


การดูแลผู้สูงอายุกับการพัฒนาเมือง: การปรับตัวต่อสังคมผู้สูงอายุและการพัฒนาเมือง

สถานการณ์ของสังคมผู้สูงอายุและการพัฒนาเมืองในปัจจุบัน

การที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมผู้สูงอายุที่มากขึ้น กำลังส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและหน้าที่ของเมืองอย่างมาก พื้นที่ที่เคยใช้สำหรับที่อยู่อาศัยหรือสถานศึกษา บัดนี้ถูกนำมาใช้เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เช่น การเปลี่ยนโครงการที่อยู่อาศัยเก่าหรือโรงเรียนเก่าให้กลายเป็นบ้านพักคนชรา

ตัวอย่างเช่น อพาร์ตเมนต์เก่าที่ไม่ทนทานต่อแผ่นดินไหวถูกปรับปรุงใหม่เป็นอาคารที่แข็งแรงมากขึ้น และมักจะมีการเพิ่มบ้านพักคนชราร่วมด้วย การปรับปรุงเหล่านี้ยังรวมถึงการใช้พื้นที่ของโรงเรียนที่ไม่ได้ใช้งานแล้วซึ่งเกิดจากการลดจำนวนเด็กนักเรียน โดยในกรณีของโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง เช่น คานางาวะและไซตามะ พื้นที่ของโรงเรียนที่ถูกปิดตัวลงได้ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านพักคนชราเพิ่มมากขึ้น

ในประเทศไทย ปัญหาการลดลงของจำนวนประชากรเด็กกำลังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกับญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กันในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่การคมนาคมไม่สะดวก ความลำบากในการปิดโรงเรียนก็อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนในท้องถิ่นได้ ซึ่งสำหรับประเทศไทยยังไม่เคยมีการพัฒนาเมืองเช่นเดียวกับญี่ปุ่น แต่ก็เป็นเวลาที่จะต้องเริ่มพิจารณาและจัดการกับปัญหานี้แล้ว

การรวมโรงเรียนในประเทศไทยและผลกระทบที่ตามมา

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการรวมโรงเรียนซึ่งส่งผลให้โรงเรียนที่เคยใช้งานถูกปิดและทิ้งร้างไว้ กรณีที่โรงเรียนในแต่ละหมู่บ้านถูกนำมารวมกัน ซึ่งส่งผลให้มีโรงเรียนที่ไม่ถูกใช้งานเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน ญี่ปุ่นได้ใช้พื้นที่ของโรงเรียนเก่าหรืออพาร์ตเมนต์เก่าเพื่อสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่มีปัญหาการขาดแคลนพื้นที่

ในเขตเมืองใหญ่ของโตเกียว คานางาวะ และไซตามะ การสร้างบ้านพักคนชราบนพื้นที่ของโรงเรียนที่ปิดตัวลงถือเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพื้นที่ ในประเทศไทย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน โดยที่โรงเรียนและสถานที่อื่นๆ อาจถูกนำมาใช้เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีพื้นที่เหลือเฟือ และสถานการณ์อาจจะไม่ถึงกับเหมือนในญี่ปุ่น

ที่พักที่คุณพรรชัยอาศัยอยู่ในปัจจุบันก็เช่นกัน กำลังเผชิญกับปัญหาผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยเปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่เคยมีครอบครัวหนุ่มสาวอยู่เป็นส่วนใหญ่เมื่อ 30 ปีก่อน ปัจจุบันผู้พักอาศัยส่วนใหญ่กลายเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งในประเทศไทยที่มีสังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น การพัฒนาเมืองให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุเป็นปัญหาที่สำคัญที่จะต้องได้รับการแก้ไขในอนาคต

การนำอพาร์ตเมนต์ในญี่ปุ่นกลับมาใช้ใหม่และการเพิ่มขึ้นของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

ในญี่ปุ่น หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการสร้างอพาร์ตเมนต์จำนวนมาก และขณะนี้อพาร์ตเมนต์เหล่านี้กำลังมีการปรับปรุงให้เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ตัวอย่างเช่น อพาร์ตเมนต์ที่สร้างขึ้นในสมัยโชวะ บางแห่งมีการติดตั้งห้องน้ำเพิ่มเติมบนระเบียงเนื่องจากไม่มีห้องน้ำในตัวอาคาร อพาร์ตเมนต์เหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

ในเขตเมืองใหญ่ของโตเกียว การขาดแคลนพื้นที่ส่งผลให้โรงเรียนและอพาร์ตเมนต์เก่าถูกนำมาใช้เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยเบื้องหลังของการพัฒนานี้เกิดจากการตอบสนองต่อสังคมผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งความต้องการในการสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุขนาดใหญ่ก็เป็นสิ่งที่ต้องการพื้นที่เพิ่มเติม แต่ในปัจจุบันการสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นกำลังลดลง แทนที่ด้วยการเพิ่มบริการดูแลที่บ้านและการบริการเยี่ยมเยือนผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดความสมดุลในการให้บริการดูแลผู้สูงอายุในแต่ละพื้นที่

ในทางกลับกัน ประเทศไทยยังไม่มีการวางแผนพัฒนาเมืองและการดูแลผู้สูงอายุในรายละเอียดอย่างเช่นญี่ปุ่น ในประเทศไทย การพัฒนาเมืองเพื่อผู้สูงอายุยังมีน้อย และแผนการใช้พื้นที่เมืองก็ยังคงเน้นที่การแบ่งพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม การเกษตร และที่อยู่อาศัย ตัวอย่างเช่น การแบ่งเขตพื้นที่เพื่อการใช้ประโยชน์ยังคงมีอยู่ แต่การวางแผนเพื่อผู้สูงอายุยังไม่ก้าวหน้าพอ

ความแตกต่างในการพัฒนาเมืองระหว่างญี่ปุ่นและประเทศไทย

การพัฒนาเมืองระหว่างญี่ปุ่นและประเทศไทยมีความแตกต่างอย่างมาก ในญี่ปุ่น จังหวัดและเมืองมีการบริหารจัดการของตัวเอง ซึ่งทำให้หน่วยงานท้องถิ่นมีความเป็นอิสระในการจัดการภาษีและการดำเนินงาน แต่ในประเทศไทย รัฐบาลกลางยังคงเป็นผู้ควบคุมการบริหารและส่งนโยบายไปยังท้องถิ่น ระบบการบริหารแบบรวมศูนย์นี้เกิดจากความจำเป็นในการควบคุมพรมแดนของประเทศและการรักษาความปลอดภัย

ประเทศไทยยังไม่มีการจัดการท้องถิ่นอย่างเพียงพอ และการพัฒนาเมืองยังคงได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลกลางอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ในญี่ปุ่น เมื่ออัตราส่วนผู้สูงอายุเกิน 14% สังคมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเมือง ซึ่งส่งผลให้มีการวางแผนเมืองและการวางแผนดูแลผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ

ในทางกลับกัน ประเทศไทยก็กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและความต้องการในการพัฒนาเมืองให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ในญี่ปุ่น การสร้างอาคารที่อยู่อาศัยจะต้องมีการวางแผนเรื่องการระบายน้ำและระบบท่ออย่างละเอียด แต่ในประเทศไทยยังคงมีพื้นที่ที่ขาดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเพียงพอ เช่น การปูถนนและระบบระบายน้ำ

แม้ว่าในประเทศไทยกฎหมายจะเริ่มมีความเข้มงวดขึ้น แต่การดำเนินการในทางปฏิบัติก็ยังคงมีความท้าทาย โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการน้ำท่วมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นได้แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเมืองอาจดูช้าแต่ที่จริงแล้วสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ในประเทศไทย การวิจัยและการวางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรกำลังจะเริ่มขึ้นอย่างจริงจังในอนาคต

การตระหนักรู้และปัญหาในสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย

ในประเทศไทย ความสนใจต่อสังคมผู้สูงอายุกำลังเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายอย่างเต็มที่ การตื่นตัวต่อสังคมผู้สูงอายุในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีสาเหตุหลักมาจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ระบบสาธารณสุขต้องรับมือกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น และการประกาศของประเทศไทยในปี 2021 ว



エイジング・サポート・サイト

エイジングとkaigo のプラットフォーム
ウエル・エイジング・アカデミー_サイト


エイジングとKaigoの総合サイト
ウエル・エイジング・センター


いいなと思ったら応援しよう!