SPYAIR × Haikyuu!!
การกลับมาแท็คทีมกันอีกครั้งระหว่างไฮคิวกับ SPYAIR วงร็อคที่เปรียบเสมือนวงคู่บุญของไฮคิว ชนิดที่ว่าถ้าพูดถึงไฮคิวจะต้องนึกถึง SPYAIR ด้วยเสมอ ตลอดระยะเวลา 10 ปีตั้งแต่เพลงแรกอย่าง Imagination ตามมาด้วย I’m a Believer และ One Day ไฮคิวกับ SPYAIR เปรียบเหมือนเพื่อนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ และไฮคิวก็อยู่กับ SPYAIR ในหลายๆ ช่วงสำคัญ ช่วงวิกฤติของวงที่ต้องการการสนับสนุน ไฮคิวจะยื่นมือเข้ามาช่วยไว้ได้เสมอ
และกับมูฟวี่ไฮคิว Haikyuu!! the Movie: The Dumpster Battle นี้ก็เช่นกันเมื่อ SPYAIR เจอจุดพลิกผันให้ต้องเปลี่ยนนักร้องนำคนใหม่ แน่นอนว่าไฮคิวได้หยิบยื่นโอกาสครั้งใหญ่ให้กับวงหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงและพาให้ผลงานเพลง オレンジ (Orange) ของ “SPYAIR ที่เกิดใหม่” นี้ได้มีโอกาสออกสู่สายตาผู้คนในวงกว้างอีกครั้ง
ในโอกาสที่มูฟวี่ศึกกองขยะเข้าฉายในไทย ทาง SPYAIR THAI FAMILY เลยอยากจะพาทุกคนมารู้จักกับวง SPYAIR ในตอนนี้ รวมไปถึงเรื่องราว บทสัมภาษณ์และผลงานของวงกับไฮคิวกันค่ะ
สมาชิกวง (ปัจจุบัน)
โยสุเกะ (vocal) | เกิด 31 กรกฎาคม 1998 (อายุ 25 ปี)
โมมิเคน (Bass&Leader) | เกิด 14 พฤศจิกายน 1984 (อายุ 39 ปี)
ยูจิ (Guitar&Programming) | เกิด 13 ธันวาคม 1984 (อายุ 39 ปี)
เคนตะ (Drum) | เกิด 16 มีนาคม 1985 (อายุ 39 ปี)
สัมภาษณ์ SPYAIR เกี่ยวกับไฮคิว
นิตยสาร CUT ปกไฮคิว (ฉบับ Feb 2024)
จากเพลง Imagination ซึ่งเป็นเพลงเปิดอนิเมะซีซั่นแรกที่ฉายทางโทรทัศน์สู่เพลง I’m a believer ในซีซั่นที่ 2 รวมไปถึงเพลงปิดในซีซั่นที่ 4.2 อย่างเพลง One Day
SPYAIR ที่เดินมาด้วยกันกับอนิเมะไฮคิวด้วยผลงานถึง 3 เพลงนั้นได้รับหน้าที่ทำเพลงประกอบผลงานภาพยนตร์ไฮคิวศึกแห่งกองขยะด้วยเช่นกันเพลง オレンジ (Orange) ที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ตัววงเองก็เพิ่งจะเริ่มกลับมาทำงานด้วยวงที่มีรูปแบบใหม่ในปี 2023 เองนั้นเป็นบัลลาดที่มีความ emotional จากการรวมทั้ง 3 เพลงก่อนหน้าเข้ามาในเพลงนี้ด้วยเป็น 1 เพลงที่คอยดันหลังพวกฮินาตะที่เดิมพันด้วยขีดจำกัดของวัยรุ่นในขณะเดียวกันก็เป็นเพลงที่แสนอบอุ่นที่คอยอยู่เคียงข้างทุกคนในการใช้ชีวิตที่มีจุดสิ้นสุดและการเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้ง 4 คนจะมาพูดคุยเรื่องความคิดที่รวมไว้ในเพลง オレンジ (Orange) และความรักของ “ไฮคิว” ให้ได้อ่านกัน
ー ตอนที่ข้อเสนอการทำเพลงประกอบภาพยนตร์มานั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง?
โมมิเคน(มือเบส) : แน่นอนว่าต้องตกใจและประหลาดใจครับ พวกผมเพิ่งจะเริ่มกลับมาทำงาน ยังอยู่ในสถานะที่ไม่มีผลงานอะไรเลย ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้รับการติดต่อพูดคุยขนาดนี้มาเลย แต่ว่าตอนนั้นมีคิดว่าจะมีแพลนปล่อยเพลง I’m a believer -New version- แล้วก็จะเป็นการเริ่มออกสตาร์ทใหม่อีกครั้งจากจุดนั้นอยู่พอดีครับ ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เป็นไทม์มิ่งของการกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งที่เกี่ยวข้องกับไฮคิว รู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ได้รับโอกาสในการกลับมายืนขึ้นอีกครั้งนึงแบบนี้
ยูจิ(มือกีต้าร์&โปรแกรมมิ่ง) : เพราะตั้งแต่เพลง Imagination มา ก็มีความรู้สึกว่าเป็นเพราะไฮคิวนี่แหละที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง การที่จะได้ทำมันร่วมกันอีกครั้งนึงก็รู้สึกได้แค่ขอบคุณเท่านั้นเลยครับ
เคนตะ(มือกลอง): การที่ได้รับมอบหมายให้ทำเพลงเป็นครั้งที่ 4 น่ะ ทำให้มีความรู้สึกถึงการเข้าคู่เข้าขากันอย่างหนักแน่นมั่นคงขึ้นไปอีกอย่างมากเลย
ー นี่เป็นเพลง tie-up ครั้งแรกของโยสุเกะซังหลังจากเข้าวงมาเลยเนอะ
โยสุเกะ(นักร้องนำ): ตอนได้ยินครั้งแรกรู้สึกดีใจจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ ครับ ผมน่ะอยู่ในยุคของไฮคิวพอดี แล้วตอนที่เพลง Imagination ออกมาก็อยู่ในวัยนักเรียน เพื่อนๆ รอบตัวก็จะไปร้องเพลงนี้ที่คาราโอเกะ การที่ตัวเองจะได้ร้องเพลงประกอบมูฟวี่นั้นมันทั้งตื่นเต้น ทั้งรู้สึกเครียดและกดดันเอามากๆ เลยล่ะครับ
ー การนำเสนอของเพลงที่มีมาก่อนจนถึงตอนนี้นั้นมันมีอิมเมจแบบ Upper ส่วนเพลง “Orange” ในครั้งนี้นั้นเป็นบัลลาดที่มีความยิ่งใหญ่การนำเสนอของยูจิซังที่ทำเพลงขึ้นนั้นเป็นอย่างไร?
ยูจิ: ได้รับรีเควสมาจากผู้กำกับ (คุณ Mitsunaka Susumu) บอกว่า “อยากให้มันเป็นเพลงมีฟีลชวนมีน้ำตาที่มีความอบอุ่น พอเพลงดังขึ้นมาแล้วก็ประทับใจจนร้องไห้ออกมาได้โดยไม่ได้คาดคิดเลย” เพราะที่ผ่านมามันเป็นเพลงที่มีบรรยากาศแบบเทศกาลสนุกสนานพุ่งออกมามาโดยตลอด ‘นั่นหมายความว่าครั้งนี้ก็จะเป็นเพลงแบบนั้นเหมือนกันสินะ’ ตอนแรกผมคิดไว้แบบนั้นล่ะ เพราะว่าในตัวผมเองแล้วไฮคิวมันมีอิมเมจแบบวัยรุ่นและมีเหงื่ออะไรแบบนั้นด้วย... แต่ว่าความจริงแล้วพอเขาบอกว่า “รบกวนขอเพลงที่มีพลังมีเรี่ยวแรง แข็งแรง มีพลัง อีกสักครั้งนะ” แล้วผมรู้สึกสับสนไปนิดหน่อยเลยล่ะ ถ้าเป็นตัวผมเมื่อ 10 ปีก่อนล่ะก็เป็นตอนที่พวกผมเพิ่งจะเดบิวต์ใหม่ๆ ที่มีพลังมีความสนุกสนานล่ะก็คงเป็นเพลงที่สามารถเขียนขึ้นมาได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร (หัวเราะ) 10 ปีผ่านไป วงเองก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะครั้งนี้น่ะ “สามารถไปทางซีนอารมณ์ได้” สามารถใส่มันเข้ามาได้อย่างไม่ติดขัดเลยจนพูดออกมาได้ว่า “นี่มันดีสุดยอดเลยนะ” สามารถทำเพลงนี้ขึ้นมาได้ด้วยสภาพตามจริงในตอนนี้และค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองมากๆ เลย
ー แล้วเนื้อเพลงมีอิมเมจแบบไหน?
โมมิเคน: ตอนที่ได้คุยกับคุณผู้กำกับ ได้รับคีย์เวิร์ดมาประมาณว่า “ความเศร้าโศกเสียใจ” และ “จุดสิ้นสุดของวัยรุ่น” ครับ แต่ว่าช่วงวัยรุ่นของพวกผมน่ะมันจบไปแล้ว (หัวเราะ) ถ้าเขียนไปทั้งแบบนั้นด้วยวัยที่เลยวัยรุ่นมาแล้วมันจะดูโกหกยังไงก็ไม่รู้ ในช่วงนั้นน่ะคิดว่าーไม่ใช่แค่เฉพาะวัยรุ่นเมื่อบางอย่างจบลงแล้วจะมีบางอย่างเกิดขึ้นซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอทั้งนั้น จากสิ่งนั้นน่ะ ที่จุดสิ้นสุดของวันหนึ่ง ทำให้จินตนาการถึงภาพของยามเย็นที่เป็นการเริ่มต้นเข้าสู่วันรุ่งขึ้น มันเข้ากับมูฟวี่ได้อย่างพอดีด้วยก็เลยเขียนขยายจากจุดนั้นมา
ー นอกจากมีการกล่าวถึงเนื้อเพลงของ Imagination (ในเพลง Orange) มีการใส่เนื้อเพลงทั้ง 3 เพลงก่อนหน้าเข้ามาด้วย
โมมิเคน: ตอนที่ย้อนกลับไปอ่านมังงะใหม่อีกรอบ ที่หน้าแรกสุดมีคำพูดถึงวอลเล่ย์บอลเขียนไว้ว่า『เป็นกีฬาลูกบอลกลมๆ ที่ “เชื่อมถึงกัน(繫ぐ/connect)”』ซึ่งมันตราตรึงใจมาก ถ้าเอาความเชื่อมโยงของเพลงที่มีมาเชื่อมต่อเชื่อมโยงกันในเนื้อเพลงได้มันจะน่าสนใจมาก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่มีเพียงแค่พวกผมเท่านั้นที่สามารถทำมันได้ก็เลยลองเขียนดูครับ เพราะคิดว่า 3 เพลงที่ผ่านมานั้นมันมีผู้คนที่รู้สึกถึงช่วงเวลาวัยรุ่นของตัวเองที่อยู่ในช่วงจังหวะเวลาของแต่ละเพลง ถ้าทำให้เนื้อเพลงออกมากินใจทุกคนในเรื่องนี้ได้คงจะดีนะ ประมาณนี้ครับ
ー ชื่อเพลงว่า “Orange” น่ะมันทำให้นึกถึงสีที่เป็นอิมเมจของโรงเรียนคาราสุโนะกับฮินาตะขึ้นมาเลยล่ะคิดว่าจะใช่ซะอีก...
โมมิเคน: นั่นสินะครับ (หัวเราะ) มันไม่ได้เริ่มมาจากตรงนั้นหรอก แต่เหมือนเป็นผลพลอยได้อะไรประมาณนั้นครับ
ー ได้ผลออกมาเป็น "オレンジ" ที่ทัชใจ?
โมมิเคน: จริงๆ ก็เครียดเอามากๆ อยู่ ตอนแรกเลยสับสนลังเลมากว่าจะทำยังไงดี (หัวเราะ) เติมความกล้าเข้าไปมากพอสมควรเลย แต่พอได้จินตนาการถึงตอนที่ end roll ขึ้นมาตอนจบมูฟวี่แล้วมีคาตาคานะว่า「オレンジ (Orange) ของ SPYAIR」ขึ้นมาแบบนั้นมันก็ดีนะ
เคนตะ: ไม่ว่าใครก็คงคิดเหมือนกันแน่ๆ ล่ะนะ (หัวเราะ) ถ้าได้เป็นเพลงของมูฟวี่ไฮคิวนี่มันก็ต้องอีโมอยู่แล้วล่ะนะ ส่งพลังออกมาได้สุดๆ ไปเลย ถึงเป็นอิมเมจที่ส่งมู้ดได้สุดยอดมากอยู่ก็จริง แต่ตอนที่เพลงนี้ถูกประกาศครั้งแรกผ่านทางคลิปโปรโมทจริงก็ตกใจเลยว่า "มันอีโมขนาดนี้เลยเหรอ?" มันแบบสุดมากจนรู้สึกว่าเป็นจุดที่ทำให้น้ำตาแตกได้เลยนะเนี่ย (หัวเราะ)
ー แล้วยูจิซังเองก็รู้สึกเหมือนกันมั้ยว่าเพลงมันชวนน้ำตาแตก?
ยูจิ: จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นนะครับ (หัวเราะ) ตอนที่ทำเพลงน่ะ ตัวผมเองต้องฟังมันเป็นร้อยเป็นพันรอบเลย ในระหว่างนั้น เพราะแม้แต่ตัวผมเองฟังแล้วมันต้องรู้สึกถึงมู้ดน้ำตาในความอบอุ่น มีพ้อยท์ที่ส่งกัน นั่นเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ว่าการที่จะทำให้ร้องไห้ได้นั่นเพราะครีเอทีฟตัวมูฟวี่กับทีมสร้างอนิเมะทุกคนเลย มีความรู้สึกแบบ 'ขอบคุณครับ!' แบบนั้น
ー ทั้งมูฟวี่และเพลงส่งกันทำให้เกิดผลที่ดีออกมาได้นั้นมาจากการที่ได้มา tie-up กันล่ะสินะ
ยูจิ: จริงครับ ใน MV ที่พวกเราแสดงนั่นมีวิธีมองที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเลย ซึ่งคิดว่านี่มันคือความแข็งแกร่งของการร่วมมือกัน
ー โยสุเกะซังล่ะตอนที่ร้องเพลงนี้มีความคิดอย่างไรบ้างมั้ย?
โยสุเกะ: แม้ว่าเพลงไฮคิว 3 เพลงที่มีเคยได้เล่นในไลฟ์มาแล้วจนมันเป็นส่วนหนึ่งของผมแล้วก็เถอะ... แต่ตอนที่ได้ฟังเพลงนี้ที่เป็นเพลงธีมใหม่ให้ไฮคิวแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่สดใหม่มากๆ แต่ว่า(เพลง Orange)ก็ดูเป็นทั้งไฮคิวและ SPYAIR ด้วย ซึ่งนั่นเป็นการจับคู่กันที่สุดยอดมากเลยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเข้ากับสถานการณ์ของมูฟวี่ตรง "ต้องพัฒนาถึงจะชนะการแข่ง ถ้าแพ้ทุกอย่างก็จบ" ได้ดีมาก พอคิดว่าจะร้องเพลงออกมาแบบไหนเพื่อแสดงมันออกมาได้ แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่เนื้อเพลงทำ เลยร้องออกมาโดยยึดเนื้อเพลงสำคัญที่สุด แต่เพราะมันมีความรู้สึกที่การร้องตาม Melody guide ตามปกตินั้นไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้อยู่ด้วย ก็เลยลองร้องที่ใช้วิธีการร้อง รวมไปถึงพวกโทนเสียงในแพทเทิร์นต่างๆ ทั้งเนื้อเพลงเอง และท่อนฮุคไม่ซ้ำกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อนจนถึงตอนนี้เลยมีความคิดสงสัยว่ามันเพราะอะไรกันทำไมถึงเป็นแบบนี้ ในขณะเดียวกันก็ลองอิมเมจวาดสตอรี่เป็นตัวเองขึ้น แล้วเรคคอร์ดดิ้งขึ้นมา
ー แล้วจากคนเขียนเนื้อเพลงอย่างโมมิเคนซังนี่ได้มีรีเควสวิธีการร้องอะไรมั้ย?
โมมิเคน: ปกติในฐานะผู้เขียนเนื้อร้องถ้ามีความเห็นประมาณว่า 'อยากให้ช่วยร้องลักษณะประมาณนี้ๆ มากกว่านี้' ก็จะบอกไปครับ แต่กับครั้งนี้ ตั้งแต่การทดลองร้องครั้งแรกนั้น โยสุเกะได้มีการเตรียมตัวมาอย่างดี อิมเมจก็ตรงแบบสุดๆ ก็เลยไม่ได้พูดไม่ได้บอกอะไรไปเลย
ー EP นี้ Imagination, I'm a believer, One Day ได้ถูกอัดขึ้นใหม่เป็น New ver. ด้วยลองร้องแล้วเป็นไงบ้าง?
โยสุเกะ: เพราะ (เพลงพวกนี้) มีได้ร้องในไลฟ์แล้วหลายครั้งก่อนเข้าเรคคอร์ดดิ้ง ก็เลยร้องแบบจินตนาการถึงตอนที่มีคนดู (ในคอนเสิร์ตจริง) ไปด้วย ทั้งวิธีการ raise อารมณ์รวมไปถึงวิธีการปล่อยพลังของเสียง ดีที่ความรู้สึกของไลฟ์สดทำให้ร้องออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ เลย แต่ทว่าเพลง One Day นั้นมีคีย์ที่สูงขึ้นจากต้นฉบับ วิธีการได้ยินได้ฟังตัวเพลงเลยต่างออกไปเพราะงั้นความรู้สึกที่ได้ฟังก็ต่างออกไป
ー จากคีย์เวิร์ดเมื่อครู่ที่โมมิเคนพูดถึงคำว่า "เชื่อมต่อ(connect)" แล้วต่อยอดจากคำพูดนั้นในฐานะที่เชื่อมประวัติศาสตร์ของ SPYAIR ให้คงอยู่ต่อไปซึ่งตอนนี้โยสุเกะยืนอยู่ในจุดนั้น ‘การเชื่อมต่อ’ ที่ว่ามีหลักการอะไรมั้ย?
โยสุเกะ: แน่นอนครับ เพราะ SPYAIR อยู่มาจนถึงตรงนี้ เพราะได้ให้ผมมาร้องเพลงในตอนนี้ ผมก็อยากรับผิดชอบและรับช่วงต่อไปอย่างดีครับ ยิ่งไปกว่านั้นก็ถ้าได้ส่งเพลงใหม่ที่จะออกมาไปถึงคนจำนวนมากได้ก็คงจะดี ถ้าผลงานที่กลับมาทำร่วมกับไฮคิวอีกครั้งนี้ทำให้คนที่ไม่เคยรู้จัก SPYAIR มาก่อนได้รู้จักกับพวกผมได้ ผมก็ดีใจครับ
ー ย้อนกลับไปตั้งแต่ Imagination เป็นต้นมาผลตอบรับจากแฟนไฮคิวและอิทธิพลจากการร่วมงานกับไฮคิวนี่มีผลมากมั้ย
ยูจิ: การที่พวกผมยังคงอยู่ในฐานะวงแบบนี้ได้ในตอนนี้นั้นเป็นเพราะไฮคิวไม่ผิดแน่ครับ ซึ่งกับที่ญี่ปุ่นมันต้องรู้สึกอยู่แล้ว แต่ยิ่งตอนไปต่างประเทศยิ่งรู้สึกได้มากกว่าครับว่าไฮคิวมีอิทธิพลกับวงมากแค่ไหน เพราะแฟนของไฮคิวมีอยู่ทั่วโลกจริงๆ ตั้งแต่ผลงานเพลงประกอบนั้นเป็นต้นมาทำให้ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของ SPYAIR ถึงขั้นไปแสดงที่ต่างประเทศได้ ไม่สามารถรู้สึกอะไรได้เลยนอกจากรู้สึกขอบคุณจริงๆ ทั้งเปิดทางให้วง และอยู่เคียงข้างกันมาตลอดเลยล่ะครับ
เคนตะ: ตอนที่ได้ไปร่วมงานไฮคิวเฟสต้า (ปี 2023) ได้พูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมงานกันด้วย ตอนที่ปล่อยเพลง Imagination เมื่อ 10 ปีที่แล้วอีเวนท์ที่ได้ทำตอนนั้นยังเป็นแค่เวนิวที่เล็กกว่านี้อยู่เลยนะ ถึงแม้พวกเราในตอนนั้นน่ะจะเป็นแค่วงที่ “ได้รับมอบหมายให้ทำเพลงประกอบให้” แต่จากนั้นมาทั้งผลงานอนิเมะและดนตรีของ SPYAIR เองก็ได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเราต่างก็ได้ขยับขึ้นไปเวนิวที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปีที่แล้ว (2023) ที่ได้จัดเป็นเวนิวระดับความจุร่วม 10,000 คนเลย แถมยังพ่วงไลฟ์วิวออนไลน์เข้ามาด้วย ก็ได้แต่คิดว่านี่มันสุดยอดไปเลย ผู้เกี่ยวข้องคนที่ร่วมงานกันทั้งหลายเขาก็บอกว่า “นั่นเพราะมันมีเพลงของ SPYAIR ไงล่ะ” บ้างก็ว่า “เราเหมือนเพื่อนตายเพื่อนร่วมรบที่ได้ต่อสู้มาด้วยกันเลยเนอะ” อะไรประมาณนี้ แต่นอกจากเพลงของพวกเราเองนั้น การอุปการะจากไฮคิวนั้นมันยิ่งใหญ่มาก และนั่นทำให้การก้าวเดินมาด้วยกันได้จนถึงจุดนี้นั้น รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากเลย เพราะงั้นการที่ถูกเรียกว่า “สหายร่วมรบ” นั้นเป็นอะไรที่รู้สึกขอบคุณสุดๆ เลยครับ
ー แน่นอนว่าด้วยอิทธิพลของไฮคิวทำให้ตอนนี้หรือแม้แต่ปกติทั่วไปแล้วไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีข่าววอลเล่ย์บอลก็จะมีเพลงของ SPYAIR ดังขึ้นเสมอเลยเนอะ
ยูจิ: ใช่ๆ รู้สึกขอบคุณและรู้สึกดีใจด้วยเหมือนกัน วอลเล่ย์นี่เป็นกีฬาที่สนุกและเทนชั่นอัพในตัวมันเองเลยนะ พวกเด็กๆ ลูกของเพื่อนที่บ้านเกิดผมก็เหมือนจะเริ่มเล่นวอลเล่ย์ซึ่งเป็นอิทธิพลมาจากไฮคิว เพื่อนก็บอกผมว่า "ยูจิ ทำเพลง(ให้ไฮคิว)อยู่สินะ" มันทำให้รู้สึกว่าเป็นอิทธิพลขนาดใหญ่จากไฮคิวที่ใกล้ตัวมากๆ ด้วย เหมือนกับรุ่นพวกผมก็จะเป็น SLAM DUNK นี่แหละที่ทำให้เล่นบาสกัน
เคนตะ: แล้วเล่นจริง (หัวเราะ) มันเป็นพลังของอิทธิพลระดับนั้นเลยล่ะ
ー แล้วโยสุเกะนี่อ่านไฮคิวแล้วได้เล่นวอลเล่ย์มั้ย
โยสุเกะ: คือ ผมอยู่ชมรมฟุตบอล... (หัวเราะ) พอดีว่าไม่ได้ดูเรียลไทม์แต่มาดูอนิเมะเอาตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไฮคิวเนี่ยไม่ใช่ว่าแยกความสามารถออกจากการใช้ชีวิตเลยซะทีเดียว แต่คาร์แรคเตอร์นั้นๆ มีความสมจริงดีมากๆ เลย ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ให้ความรู้สึกยังไม่ตัดขาดจากความเป็นวัยรุ่นอยู่เยอะมากเลย
ー แล้วครั้งนี้ในภาพยนตร์จะมีเสียงตัวเองดังขึ้นมาในนั้นด้วยรู้สึกยังไงบ้าง?
โยสุเกะ: นั่นสินะครับ... เฝ้ารออย่างใจจดจ่อเลย
เคนตะ: น่าจะยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยอะเนอะ
ー ช่วงนี้ตอนที่มีเพลงตัวเองดังในโรงภาพยนตร์หรือทีวีไรงี้แล้วประทับใจมั้ย?
โมมิเคน: แน่นอนสิครับ!
ยูจิ: แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเพลงเดบิวต์ (Liar) เคยเป็นเพลงประกอบละครมาก่อน ก็จะนั่งเฝ้าทีวีเลยว่าเพลงมันจะดังขึ้นมาตอนไหน (หัวเราะ)
โมมิเคน: ผมน่ะ ตอนที่ได้ทำเพลงประกอบให้นะก็จะต้องไปที่โรงภาพยนตร์ให้ได้เลยล่ะ ไปรอดูปฏิกิริยาของคนดูตรงโรงหนังตรงนั้นแหละ ครั้งนี้ก็อยากให้ประทับใจกัน
ยูจิ: ถึงจะ (เป็นมูฟวี่ที่) มีการใช้เพลง แต่ยังไงผมเองก็รอมูฟวี่นี้เหมือนกัน ทีมผลิตอนิเมะไฮคิวน่ะ high energy สุดยอดเลยล่ะ คนที่ตั้งใจจะผลิตงานที่ดีมีเยอะมากๆ เพราะเป็นผลที่ได้จากความพยายามของคนเหล่านั้น เลยเฝ้ารอมันมากๆ เลยล่ะ
เคนตะ: ผมเองก็ไปมีโรงหนังทุกครั้งเลย แต่พอหลังเข้าฉายแล้วคนรีบไปทันทีกันเยอะสุดๆ ไม่เคยได้ดูด้วยที่นั่งดีๆ เลยล่ะ ตอนที่ไปดูกินทามะ THE FINAL ก็ได้ที่นั่งแถวหน้าสุดเลย (หัวเราะ) ไม่ว่ายังไงรอบนี้จะต้องรีบจองให้ได้ อยากนั่งดูจากที่นั่งตรงกลาง!
ーจบสัมภาษณ์นิตยสาร CUTー
lisani (โมมิเคน) / สำหรับ SPYAIR แล้ว ไฮคิวคือ “ผู้กอบกู้”
ภาพยนตร์อนิเมะ 『劇場版ハイキュー!! ゴミ捨て場の決戦』(ไฮคิวศึกกองขยะ) ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ การเผชิญหน้ากันระหว่างฮินาตะ โชโยจากโรงเรียนมัธยมปลายคาราสึโนะและพวกของโคซุเมะ เคนมะจากโรงเรียนมัธยมปลายเนโกมะ 2 โรงเรียนที่มีมิตรไมตรีต่อกัน ต่างมาเจอกันแบบฝันที่เป็นจริงในการแข่งรอบที่ 3 ของการแข่งฮารุโค การแข่งขันของแมวและอีกาที่เรียกได้ว่าเป็น “ศึกกองขยะ” กลับมาอีกครั้ง เป็นตอนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเรื่องไฮคิวซึ่งได้เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นมาร่วม 2 เดือนแล้วนับตั้งแต่เข้าฉาย และจนถึงตอนนี้ก็ยังมีผู้เข้าชมเรื่อยๆ
เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพลง オレンジ (Orange) ร้องโดย SPYAIR นับตั้งแต่เพลง Opening theme ในภาคแรกสุดอย่าง Imagination นั้นผ่านมาแล้ว 10 ปี การมีอยู่ของไฮคิวสำหรับพวกเขาที่เพิ่งจะเริ่มออกเดินด้วยวงรูปแบบใหม่นี้จะมีภาพเป็นแบบไหน—เราจะมาถามโมมิเคนซึ่งเป็นมือเบสที่เป็นส่วนสำคัญในการทำเพลงนี้กัน
— ในครั้งนี้ได้รับมอบหมายให้ทำเพลงประกอบผลงานภาพยนตร์อนิเมะ 『劇場版ハイキュー!! ゴミ捨て場の決戦』 หรือมูฟวี่ไฮคิวศึกกองขยะอย่างเพลง オレンジ(Orange)ที่กำลังฮิตอย่างมากอยู่ในตอนนี้เนอะ
โมมิเคน: ทั้งหนังทั้งเพลงเลยครับที่กำลังดังมากในตอนนี้ รู้สึกขอบคุณมาก
— ตั้งแต่ที่ SPYAIR และไฮคิวได้มาเจอกันในเพลง Imagination นี่ก็ 10 ปีแล้วสินะ
โมมิเคน: ใช่แล้วล่ะครับ พวกเราเองตอนที่ได้รับการพูดคุยติดต่อเข้ามา (เรื่องเพลงใหม่) ก็มีคุยกันว่า “10 ปีแล้วนะเนี่ย” ก็มีตกใจเหมือนกันว่า “เอ๊ะ! รู้สึกเหมือนมันเพิ่งจะเกิดขึ้นมาไม่นานมานี้เอง!?” แบบ ‘เวลามันผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย’
— จากที่เป็นผลงานที่ได้ร่วมงานกันมาอย่างยาวนานขนาดนี้แล้วสำหรับวงแล้วการมีอยู่ของไฮคิวเป็นแบบไหน?
โมมิเคน: ในช่วงที่วงมีปัญหาขรุขระบางอย่าง จะได้ไฮคิวเข้ามาช่วยเหลือไว้เสมอ อย่างเพลง オレンジ (Orange) นี้ก็เหมือนกัน วงเปลี่ยนนักร้อง แน่นอนว่ามันจะต้องมีคนที่ “จะไม่ฟัง SPYAIR รูปแบบใหม่” อยู่แน่ ซึ่งการที่เพลงนี้ได้เป็นเพลงประกอบนั้นมอบโอกาสที่คนจำนวนมากจะได้ฟัง ตอนที่วงล้มลง ไฮคิวจะยื่นมือเข้ามาช่วยดึงขึ้นมาเสมอ ถือเป็นผู้ช่วยชีวิตอย่างแท้จริง
— แต่ว่าในช่วง 10 ปีนี้ SPYAIR ก็พบเจอคนจากไฮคิวไม่น้อยเลยมีรู้สึกอะไรแบบนั้นบ้างมั้ย
โมมิเคน: ก็มีดูฟีดแบคอยู่ครับ มันมีความเห็นในลักษณะนั้นเยอะเหมือนกัน ฟีดแบคที่ว่า ‘มูฟวี่ครั้งนี้ทำให้ได้กลับมาพบกันกับเพลงของ SPYAIR อีก’ นี่ก็เยอะเหมือนกัน ไปดูมูฟวี่นี้ด้วยความรู้สึกว่า “(นี่เป็น)อนิเมะที่เคยดูตอนโน้น” “ฟัง オレンジ แล้วอีโมสุดยอดไปเลย” ตัวอย่างฟีดแบคที่ได้รับมาจะประมาณนี้ ตัวผลงานเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เป็นเพลงที่มีความทรงจำอยู่ในนั้น ทำให้นึกถึงช่วงเวลา 10 ปีนั้นเป็นเช่นไร มีเจ้าหนูแฟนคลับคนนึงพูดว่า “ตอนที่ฟังเพลง Imagination เนี่ยเป็นตอนสมัยอยู่ม.ปลายปี 1 ตอนนี้อายุ 25 แล้ว กำลังพยายามอย่างเต็มที่กับชีวิตวัยทำงาน” เป็นอายุแบบนั้นเลยล่ะนะ ถ้าตอนนั้นเป็นเด็กประถมล่ะก็ ตอนนี้น่าจะอายุ 20 แล้วอะไรประมาณนี้ พอได้ฟังคำพูดแบบนั้น ตัวผมเองก็มีความรู้สึกอีโมด้วยเหมือนกัน
— สำหรับตัว SPYAIR เองนี่ก็เป็นผลงานที่ทำให้นึกถึงช่วงเวลา 10 ปีนี้กับเรื่องราวของวงที่เกิดขึ้นด้วยเหมือนกันล่ะนะ
โมมิเคน: ใช่แล้วครับ
— ตอนที่ขึ้นแสดงงาน ANI-ROCK FES ธีมไฮคิวเมื่อปี 2018 ซึ่งจัดขึ้นที่ไซตามะซุเปอร์อารีน่าคิดว่าน่าจะมีประสบการณ์ที่ตรงหน้าถูกย้อมไปด้วยสีส้ม(สีของไฮคิว) น่าจะมีงานอีเวนท์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับไฮคิวด้วยแน่ๆมีภาพในความทรงจำเป็นแบบไหน?
โมมิเคน: ปีก่อน ถึงจะมีได้แสดงในอีเวนท์ของไฮคิวที่จัดขึ้นที่ 武蔵野の森総合Sport Plaza Main Arena แต่ก่อนหน้านั้นตอนที่มีแสดงในงานอีเวนท์ช่วงเพลง Imagination ตอนนั้นไม่ใช่เวทีที่ใหญ่เลย แล้วจากนั้นมาก็ได้ขยับมาเป็นไซตามะซุเปอร์อารีน่า แล้วก็มาเป็นปีที่แล้วรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ทั้ง SPYAIR และไฮคิวค่อยๆ ขยับสเกลเวนิวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มาด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน รู้สึกเป็นเหมือนเพื่อนตายที่คอยพัฒนาและขัดเกลาผ่านมันมาด้วยกันตลอด
— หายากนะที่ใน 1 ผลงานจะกล่าวถึงหรือมีความเกี่ยวข้องกับเพลง 4 เพลงรบกวนช่วยบอกสิ่งที่เป็นที่สุด ‘ที่ได้สำเร็จในช่วงเวลาที่ได้เดินมาด้วยกัน(กับไฮคิว)’ เป็นความรู้สึกที่ยังหลงเหลืออยู่ให้ฟังหน่อย
โมมิเคน: ความทรงจำน่ะมีเยอะเลยครับ ตอนที่เพลง Imagination ออกมาก็คิดว่า “นี่มันกำลังฮิตอยู่เลยนะ” ก่อนที่วงจะหยุดงานหยุดกิจกรรมไป (เพราะนักร้องเก่ามีอาการเจ็บป่วยที่เส้นเสียง ต้องผ่าตัดและพักฟื้น) ตอนที่คิดว่า “เอาล่ะ เรากลับมาทำงานกัน” ไฮคิวก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วยเพลง “I’m a believer” ตอนเพลง One Day ซึ่งเป็นเพลงที่ผมแต่งเองทำเองทั้งเนื้อเพลงและทำนองครั้งแรกด้วยเช่นกัน ส่วนตัวผมนั้นมีความรู้สึกมีความทรงจำอย่างมากเลย มาครั้งนี้เป็นเพลง “オレンジ(Orange)” ซึ่งเป็นการ tie-up กันครั้งแรกด้วยวงรูปแบบใหม่ (เปลี่ยนนักร้อง) ซึ่งมันเลยได้เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่าตอนที่ทีมได้เข้ามาพูดคุยติดต่อเรื่องที่จะให้ทำเพลงให้จะเพิ่งเป็นรูปแบบใหม่ (เพิ่งได้นักร้องใหม่) ได้ไม่นานและยังไม่มีเพลงใหม่เลยสักเพลงเลยล่ะครับ
— เอ๊ะเป็นแบบนั้นหรอกเหรอ
โมมิเคน: ตอนนั้นยังไม่ได้ปล่อยเพลงออกสู่สายตาชาวโลกเลยแม้แต่เพลงเดียวเลยล่ะ สถานการณ์ตอนนั้นก็ได้รับการไหว้วานให้ทำเพลงประกอบ 『劇場版ハイキュー!! ゴミ捨て場の決戦』 (มูฟวี่ไฮคิวศึกกองขยะ) ไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นเลยนอกจากความรู้สึกขอบคุณ ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวงจะเป็นยังไงต่อ แล้วมาได้รับหน้าที่ให้ทำเพลงประกอบที่สำคัญขนาดนี้มันจะดีเหรอ ก็มีถามเช็คว่า “มันจะดีเหรอครับ?” นับครั้งไม่ถ้วนเลย เลยทำให้นึกถึงผลงานเพลงที่เคยทำให้แต่ละเพลงขึ้นมาเลย ไฮคิวเลยเป็นเหมือนซุเปอร์ลิเบโร่ที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็จะคอยโอบอุ้มและฉุดรั้งพวกเราขึ้นมาเสมอแบบสุดๆ
— ซุเปอร์ลิเบโร่โรงเรียนมัธยมปลายคาราสึโนะมีนิชิโนยะยูส่วนโรงเรียนมัธยมปลายเนโกมะก็มียาคุโมริสุเกะสำหรับ SPYAIR ก็คือไฮคิวนี่มันอีโมมากๆ…! อยากฟังความรู้สึกตอนที่จะได้รับมอบหมายให้ทำเพลงประกอบ “ศึกกองขยะ” หน่อย
โมมิเคน: เป็นความรู้สึกแบบ “เป็นพวกผมน่ะมันจะดีเหรอครับ?” แบบจริงจังเลย
— แต่ตอนที่มีมูฟวี่มามันก็ต้องมีคิดมีรู้สึกกันบ้างมั้ยนะ? ต้องมีคิดประมาณว่า “มันต้องเป็นพวกผมสินะ” อะไรแบบนี้มั้ย?
โมมิเคน: ไม่ๆ ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยล่ะครับ! เพราะจังหวะที่ประกาศทำมูฟวี่เป็นช่วงที่วงไม่มีนักร้อง ก็ยังมีคิดอยู่เลยล่ะว่าใครจะเป็นคนได้ทำเพลงประกอบให้ ตอนที่ได้พูดคุย(เรื่องให้ทำเพลง)น่ะ นักร้องเพิ่งจะเข้าวงมาเอง และเพราะผลงานอะไรใดๆ ก็ยังไม่มี “เป็นพวกผมนี่มันจะไม่เป็นไรเหรอครับ?” แล้วที่ญี่ปุ่นน่ะกับวงที่เปลี่ยนนักร้องเองถ้าขนาดแฟนวงเองคงจะถอยห่างออกไปแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น คนที่ฟังเพลงอยู่ (แต่ไม่ใช่แฟนวง) ก็คงจะหายไปเหมือนกัน ถึงแม้ว่าตัวพวกผมเองตัดสินใจจะต่อต้านและต่อสู้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่สามารถพูดว่า “ยังไงก็ไหวแน่ๆ โปรดเชื่อมั่นในตัวพวกเรา” ได้เลย เพราะอย่างนั้นเลยอยากตอบสนองต่องานนี้อย่างเต็มความสามารถเต็มกำลังที่สุด
ー เพลง “Orange” ที่สำเร็จออกมาจากการทำงานนั้นมีการหาธีมหาหัวข้อต่อยอดเป็นอย่างไรบ้าง
โมมิเคน: มีการพูดคุยกันกับทุกคนที่ทำงานอนิเมะ เป็นการรีโมทประชุมทางออนไลน์กับคนจำนวนมากๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกเลย มันเปิดโลกสุดๆ เลยครับ (หัวเราะ) มันมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่คิดว่า “นี่มันจะได้ข้อสรุปได้มั้ยนะ” พอคุยถึงเรื่องเพลงเขาก็บอกว่า “รบกวนขอแบบที่ ‘มีความเป็น/ดูเป็นSPYAIR’ นะครับ” พอมีคำว่า “มีความเป็น/ดูเป็น” ออกมา นั่นคือการให้อิสระในการบรรเลงกับเรา ถึงกับย้อนมาคิดกับตัวเองว่าทำไมถึงได้ไว้ใจเชื่อใจกันขนาดนี้ แต่มีธีมบังคับแค่อย่างเดียวเท่านั้นนั่นคือ “จุดสิ้นสุดของวัยรุ่น” จะไม่ใช่เอาฟีลแบบ “ไปเลยยーー!” แบบเพลง Imagination เท่านั้น แต่อยากให้มีความตัดไม่ขาด ความเสียดายทำใจไม่ได้ด้วย และด้วยอายุพวกผมเองทำเพลงที่ซาวด์เรียลๆ ของพวกผม ณ ตอนนี้ได้ง่ายกว่าที่จะไปทางฟีลแบบ “ไปเลย!!” เวย์แบบพลังล้นๆ แบบนั้นด้วย ก็เลยเริ่มทำงานจากความรู้สึกที่เห็นพ้องต้องกันแบบนั้น
ー นี่เป็นการ tie-up กันกับวงรูปแบบใหม่ครั้งแรกการทำงานเพลงเป็นยังไงบ้าง?
โมมิเคน: ตั้งแต่เปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่มาก็อยากจะนำเสนอซาวด์แบบใหม่ด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนนักร้อง แต่รูปแบบการทำงานไม่ได้เปลี่ยนไปยังคงยึดมั่นจริงจังกับวิถีทางของวง เพลงธีม JUST LIKE THIS 2023 อย่างเพลง “RE-BIRTH” ที่เป็นการเอาด้านใหม่ๆ ให้ได้เห็นโดยให้โยสุเกะเข้ามาร่วมในการทำเพลงด้วย ส่วนในช่วงของเพลง “Orange” นั้นเป็นผมกับยูจิที่เป็น “The SPYAIR” เป็นคนทำมันขึ้น พอได้ลองทำดูจริงๆ แล้วรู้สึกมั่นใจในตัวเองสุดๆ เลยครับ การที่ยูจิทำเพลง ส่วนผมเป็นคนเขียนเนื้อเพลงมาตลอดนั้น คิดว่าคนที่ฟังอยู่ตลอดจะต้องรู้สึกได้แน่ๆ ไม่ว่ายังไงมันก็จะเป็น SPYAIR นั่นเป็น 1 สิ่งที่ผมเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้ผิดไปจากสิ่งที่พวกเราทำมาตลอด การที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแบบนั้น ด้วยเสียงดนตรีที่ได้ทำมาตลอดมาเป็นภาพจำว่า “SPYAIR น่ะเป็นแบบนี้” มันก็ไม่ผิดไปจากนั้นเช่นกัน
ー โมมิเคนซังเขียนเนื้อเพลงขึ้นมาได้ Orange ขนาดนั้นเลยเพลงมีธีมบังคับว่า “จุดสิ้นสุดของวัยรุ่น” นั้นเนื้อเพลงเป็นยังไงบ้าง
โมมิเคน: โดนบอกมาว่า “เพราะอยากให้มีความรู้สึกใจเต้นตึกตักด้วย ขอฝากให้เป็นหน้าที่ทางนั้นด้วยนะ” (หัวเราะ) นั่นเป็นเครื่องกีดขวางอย่างสูงเลยล่ะ ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น ในขณะที่พูดไปว่า ‘แบบนี้นี่เอง’ ก็คิดไปด้วยว่า 'จะทำยังไงดีล่ะ' ก็เลยกลับไปเริ่มอ่านมังงะใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง พออ่านไปแล้วคิดว่ามันจะมีคำพูดที่เป็น hint อยู่บ้างมั้ยนะก็เจอกับคำที่ว่า "วอลเล่ย์บอลเป็นกีฬาลูกกลมๆ ที่เชื่อมถึงกัน/เชื่อมต่อกัน(connect)" ในตอนช่วงต้น เลยคิดว่าถ้าสามารถเชื่อมเพลงไฮคิวที่พวกผมได้ทำทั้งหมดจนถึงตอนนี้ได้ นั่นมันก็คือวอลเล่ย์บอลน่ะสิ การใส่เนื้อเพลงของเพลง Imagination, I’m a believer และ One Day ลงไปในเพลงที่ยังไม่ได้มาเข้ากลุ่มนี้ แบบมุ่งไปที่จุดหมาย 1 จุด คอนเสปต์ที่ตั้งใจจะเชื่อมเนื้อเพลงของทุกเพลงที่มีเข้าด้วยกันนั้นมันยังเลือนลางอยู่ในหัวผมลอยๆ คิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไรดีให้มันออกมาสำเร็จสมบูรณ์ และในเนื้อเพลงที่ส่งให้เพลงมันสมบูรณ์นั้นจะต้องใช้คำพูดที่มีความหมายและจุดที่ดีแบบเฉพาะตัวของผมด้วยเช่นกัน
ー พอเรียบเรียงซีนต่างๆที่นึกถึงแล้วตัวโมมิเคนซังเองมีมุมมองในการเขียนเนื้อเพลง “Orange” อย่างไร?
โมมิเคน: ไทม์มิ่งตอนที่จะปล่อยเพลงเปรียบได้กับฤดูกาลของการพบเจอ เลยคิดว่างั้นทำเป็นเพลงจบการศึกษาเลยดีมั้ย ทั้งเพลง Imagination, I’m a believer และ One Day เองมีเนื้อเพลงที่ความทรงจำบรรยากาศประมาณว่า “เคยเจอเรื่องแบบนั้น” คนที่ได้ฟังเพลงนี้ที่เอาเนื้อเพลงพวกนั้นเข้ามาก็จะหวนกลับไปนึกถึงวัยรุ่นอีกครั้งได้แน่ๆ แล้วยังเป็นสเต็ปของการได้พบเจอใหม่ๆ ด้วย เลยเขียนเพลงนี้ออกมาด้วยความคิดแบบนั้น
ー พอเสร็จสมบูรณ์ออกมาแล้วตอนบันทึกเสียงเป็นยังไงบ้าง? ได้มีสั่งอะไรโยสุเกะไปแบบไหนมั้ย?
โมมิเคน: สำหรับเพลง Orange แล้วไม่ได้รีเควสอะไรไปเป็นพิเศษครับ จริงๆ มีคิดว่าอยากให้เพลงนี้มีเสียงหลบที่เป็นเสน่ห์ของโยสุเกะเข้ามา แต่โยสุเกะใช้วิธีร้องแบบเสียงหลบเข้ามาตอนเรคคอร์ดดิ้งทั้งๆ ที่ผมไม่ได้พูดไม่ได้บอกอะไรเลยด้วยซ้ำ เลยไม่สั่งไม่ได้รีเควสอะไรไปเลยครับ มันเป็นเพลงที่ถูกทำขึ้นด้วยวิธีหรือแนวทางที่ทุกคนคิดเหมือนกัน
ー ตอนที่เพลง Orange ดังขึ้นในมูฟวี่จริงๆแล้วมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?
โมมิเคน: “ตัวเราเนี่ย เขียนเนื้อเพลงได้สมบูรณ์แบบจริงๆ เลยนะ” จริงๆ แล้วมีความเชื่อมั่นมั่นใจ 120% เลยล่ะครับ (หัวเราะ) คิดไปแล้วว่าคงได้เป็นเพลงสุดท้ายที่วงได้ทำให้ไฮคิวที่มูฟวี่นี้ ผมน่ะชอบดูหนังมากเลย ช่วงเวลาที่ End roll วิ่งขึ้นมาพร้อมเพลงดังขึ้นก็อยากจะอิ่มเอมไปกับความรู้สึกหลังจากดูจบ ถ้ามันเป็นเพลง 1 เพลงที่ทำให้ส่งความรู้สึกในความหมายที่ว่า “อิ่มเอมกับความรู้สึก” ของหนังนั้นได้ในเวลาประมาณ 4 นาทีนั้น มันจะทำให้ตราตรึงอย่างแน่นอน
ー จากวันที่มูฟวี่เข้าฉายก็ผ่านมาพอสมควรแล้วรบกวนโมมิเคนซังช่วยบอกสถานการณ์(ฉาก?)ที่แบบพีคๆหน่อย
โมมิเคน: ที่จริงได้ดูมูฟวี่มาแล้วหลายรอบ แม้ว่าทุกรอบที่ดูมันจะเปลี่ยนไปแต่ไทม์มิ่งที่ได้ดูช่วงนี้รู้สึกอีโมกับซีนของสึกกี้ (สึกิชิมะ เคย์) มากเลย มันเป็นซีนที่ไม่ได้มีอะไรเลยล่ะ แค่ชูมือออกไปข้างหน้า แล้วกระโดดขึ้นไป มันจี๊ดเข้ามาในอกเลยล่ะ ตอนที่บล็อกได้จากซีนนั้นน่ะมัน ”อ๊าาา“ ออกมาแบบรุ่มร้อนในอกเลย แม้ว่าวันก่อนมีความรู้สึกแบบนั้น แต่ก่อนหน้านั้นตอนได้ดูรู้สึกพุ่งพล่านมากกับเคนมะที่ค่อยๆ เพิ่มความร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามเกมวอลเล่ย์บอล ซีนที่กำลังเดือดจนพูดออกมาว่า “เจ้าบ้า! บอลน่ะ!!! มันยังไม่ตกพื้นซะหน่อย!!!!” กับการไล่ตามบอลอย่างเอาเป็นเอาตายนั่นเลย มูฟวี่นี้ยิ่งดูก็ยิ่งมีซีนที่รู้สึกพีครู้สึกพลุ่งพล่านในใจเยอะแยะเลย
ー แล้วก็ครั้งนี้ได้มีการเรคคอร์ดดิ้งเพลงที่เคยได้ปล่อยออกมาแล้วอย่างเพลง Imagination, I’m a believer และ One Day อีกครั้งการที่เผชิญหน้ากับเพลงพวกนั้นที่เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นสำหรับตัวโมมิเคนซังเองแล้วเพลงพวกนั้นที่เคยทำเสร็จสมบูรณ์มาแล้ว (แต่เอามาบันทึกใหม่) มันแสดงให้เห็นอะไรบ้าง
โมมิเคน: ตอนที่บันทึก Imagination นั้นประมาณ 10 ปีที่แล้ว พวกผมในตอนนี้ก็มีความสนใจประมาณนึงว่าพออัดมาแล้วมันจะเป็นยังไง และนักร้องนำก็เปลี่ยนไปด้วย คิดว่าต้องมีคนให้ความสนใจด้วยเหมือนกันว่า Imagination ที่เป็นนักร้องคนใหม่นั้นจะออกมาเป็นยังไง เลยบันทึกเสียงขึ้นใหม่ด้วยเหตุผลนั้น เพลง One Day นั้นมีการเปลี่ยนคีย์เพลง คิดไว้ว่าปรับแก้เพื่อให้เข้ากับโยสุเกะด้วยให้มันเป็นเพลงที่พิเศษ อยากส่งไปให้ถึงผู้ฟังว่าโยสุเกะน่ะร้องแล้วเป็นแบบนี้ อยากให้ทุกคนวางใจ อยากให้มาดูไลฟ์กันอย่างวางใจ พอเปลี่ยนนักร้องแล้ว อยากทำให้รู้กันว่าเพลงที่จะได้ฟังมันจะเป็นประมาณนี้
ー พอถูกร้องในไลฟ์จริงๆแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
โมมิเคน: เพราะเคยได้เล่นและร้องสดใน THE FIRST TAKE มาแล้ว (การร้องสดเล่นสด) เพลง Orange ก่อนจะเริ่มทัวร์ถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์เลย เป็นเพลงหลักของทัวร์ แม้ว่าปกติที่ผ่านมานั้นมักจะอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบตอนช่วงระหว่างทัวร์ แต่ครั้งนี้เหมือนพุ่งเข้าชนทัวร์ด้วยสภาพที่สมบูรณ์แบบอยู่เลย แน่นอนว่าพวกบรรยากาศไลฟ์การแสดงอะไรพวกนั้นก็ค่อยๆ ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ การแสดงเพลงใหม่แบบมีความเชื่อมั่นในตัวเองได้ตั้งแต่ทัวร์วันแรกเลยนี้จนถึงตอนนี้เป็นเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยครับ
ー ได้ทำเพลงให้ไฮคิวแล้ว 4 เพลงผลงานที่ทำเชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียวถ้า FLOW ถูกสร้างโดยนารุโตะงั้น SPYAIR ก็ถูกสร้างโดยไฮคิวประมาณนั้นเนอะ
โมมิเคน: อาจจะเป็นแบบนั้นนะครับ (หัวเราะ)
ー สำหรับตัวโมมิเคนซังเองแล้วสิ่งที่ได้รับอิทธิพลหรือแรงกระตุ้นที่ได้รับมาจากไฮคิวคืออะไรเหรอ?
โมมิเคน: SPYAIR เนี่ย จนถึงก่อนที่จะได้เขียนเพลง Imagination น่ะไม่มี “ความรู้สึกของวัยรุ่น” เลย เพราะงั้น SPYAIR เลยได้รับอิมเมจของความร้อนรุ่มแห่งวัยรุ่นจากพลังของไฮคิวอย่างมาก ยกตัวอย่างว่าต่อให้เราปล่อยเพลง Imagination ออกมาแบบที่ไม่ได้เป็นผลงานเพลงสำหรับไฮคิว ก็คงไม่ได้ถูกนึกถึงว่าเป็นช่วง “วัยรุ่น”ของทุกคนหรอกครับ เพราะงั้น มันเป็นเพราะ (ไฮคิว) ช่วยเสริมแบ็คกราวด์ของผลงานเพลงเลยทำให้ SPYAIR เป็นวงที่มีภาพจำถึงความร้อนรุ่มของวัยรุ่น จนถึงตอนนั้นอาจจะไม่มีความรู้สึกถึงคำว่า せ ของคำว่า 青春 (วัยรุ่น) เลยก็ได้ อย่างเพลง Some Like It Hot!! ของกินทามะที่แม้ว่ามันจะมีความร้อนแรงอยู่แต่มันไม่มีความเป็นวัยรุ่นเลย จะให้อิมเมจว่าเป็นวงที่มีความร้อนรุ่มร้อนแรงเท่านั้น
ー อย่างนี้นี่เองนั่นถือเป็นวิดีโอเปิดตัวที่เยี่ยมยอดไปเลยนะเนี่ย
โมมิเคน: ใช่เลยครับ! เพราะอิมเมจของวิดีโอนั้นทำให้เป็นภาพจำติดตัวอยู่ตลอดมาก แน่นอนว่าถ้าเพลง Imagination ดังขึ้นจะฉายภาพของโรงยิมขึ้นมาเลย ผู้ที่ให้อิมเมจนั้นมาก็คือไฮคิวนี่แหละไม่ผิดแน่
ー แต่ว่าเพลง Orange ในครั้งนี้มันเป็นเพลงจบการศึกษาเป็นเรื่องหนึ่งของการก้าวผ่านวัยรุ่นสินะ
โมมิเคน: เพราะครั้งนี้โฟกัสไปที่การจบการศึกษานะครับ แม้ว่าพวกผมจะเลยช่วงวัยรุ่นมาไกลแล้วก็ตามที
ー ช่วงวัยรุ่นของคุณจบลงไปซะแล้วเหรอ?
โมมิเคน: ไม่ๆ ผมน่ะในระหว่างที่อ่านจัมพ์อยู่ตลอดน่ะเชื่อมั่นว่าวัยรุ่นน่ะไม่มีทางสิ้นสุดลงหรอก ตอนนี้เองก็ยัง “พวกพ้อง - ความพยายาม - ชัยชนะ” อยู่ทุกวันจันทร์อยู่เลย เพราะงั้นวัยรุ่นของผมน่ะยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ล่ะ เพราะงั้นผมก็ยังสามารถเขียนเพลงของวัยรุ่นได้อีกเยอะ จะพยายามให้ถึงจุดที่ถูกเรียกว่า “ถ้าพูดถึงผลงานเพลงจัมพ์แล้วล่ะก็ มันก็ต้อง SPYAIR นี่แหละ”
ー สำหรับเพลงที่ชื่อว่า Orange นี้มีความคิดแบบไหนอยู่เหรอ
โมมิเคน: เกี่ยวกับ“การจบการศึกษา” เป็นพิเศษ แฟลชแบ็คย้อนกลับไปตอนสมัยวัยเรียนของตัวเอง พอนึกถึงช่วงเวลาที่โบกมือลากับเพื่อน ถามไถ่กันว่าไปไหนต่อ มันก็นึกถึงยามเย็นขึ้นมา ในอิมเมจของยามเย็นนั้น ตอนแรกเขียนถึง “เมืองที่ย้อมด้วยสีส้ม” ครับ แต่พอคิดขึ้นมาว่า “ปกติแล้วถ้าพูดถึงยามเย็นน่ะมันเรียกว่า“สีส้ม” ได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” เป็น double meaning, triple meaning แล้วยังคิดคำพูดได้อีกหลายอย่างเลย ก็เลยเขียนเนื้อเพลงขึ้นโดยไตเติ้ลว่า “สีส้ม” นี่แหละครับ
ー แล้วการที่ผ่านมาด้วยกันกับไฮคิวจนถึงตรงนี้ตอนนี้มีอะไรอยากจะพูดกับพวกโชโย(ฮินาตะ)มั้ย?
โมมิเคน: เพราะว่าพวกเราน่ะเดินมาด้วยกันกับชมรมวอลเล่ย์บอลมัธยมปลายคาราสุโนะมาตลอดล่ะนะ ก็อยากจะบอกว่า “ยังคงยืนอยู่บนคอร์ด “สีส้ม” อยู่ต่อไปล่ะนะ”
ー เพราะมูฟวี่ยังคงฉายอยู่อย่างต่อเนื่องในตอนนี้รบกวนฝากข้อความถึงผู้ที่ฟังเพลง Orange หลังจากนี้ด้วยหน่อย
โมมิเคน: หวังว่าจะทำให้หวนนึกถึงความทรงจำสมัยวัยรุ่นได้แม้ว่าจะฟังแค่เพลง แต่ถ้าได้ฟังมันไปพร้อมกับการดูมูฟวี่ความคิดความรู้สึกนั้นมันจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแล้วจะหยุด tears detox ไม่ได้เลยล่ะ เพราะฉะนั้นโปรดฟังเพลง Orange ในมูฟวี่กันเยอะๆ นะครับ
ー แล้วก็คิดว่าคงมีคนที่ฟังเพลง Orange ที่จะมาทัวร์ด้วยแน่ท้ายที่สุดนี้รบกวนฝากความมุ่งมั่นทุ่มเทต่อทัวร์นี้ให้ฟังหน่อย
โมมิเคน: ทัวร์นี้มีเพลง Orange เป็นตัวชูโรง เพราะงั้นมาเติบโตไปด้วยกันในทัวร์นี้นะครับ จะเตรียมพร้อมรอที่เวนิวนะ!
ーจบสัมภาษณ์ lisaniー
ผลงานเพลงที่ทำให้ไฮคิว
Imagination (OP ー Anime Season 1)
เป็น Opening theme เปิดตัวอนิเมะไฮคิวตั้งแต่ซีซั่นแรก เรียกได้ว่าเป็นเพลงแจ้งเกิดของ SPYAIR กับอนิเมะไฮคิวและอิมเมจธีม Sport ของวงเลยก็คงไม่ผิดนัก เป็นเพลงที่ให้ไวบ์ของวัยรุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในการไล่ตามความฝัน เป็นจังหวะให้วงได้เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมขึ้นมาก วงคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างมากที่จะเฉิดฉายแต่กลับมีเหตุขึ้นหลังจากนั้น
เพลง Imagination ได้ถูกอัดขึ้นใหม่เป็น New Version ด้วยเสียงโยสุเกะซึ่งเป็นนักร้องคนปัจจุบันและปล่อยให้ฟังอย่างเป็นทางการในคืนก่อนจะขึ้นแสดงบนเวทีไฮคิวเฟสต้าวันที่ 24 กันยายน 2023 และมี MV เป็น Live ver. จากคอนเสิร์ต JLT2023
I’m a believer (OP ー Anime Season 2)
เพลง I’m a believer เป็นเพลงไฮคิวที่ 2 ของวง ไทม์มิ่งของเพลงนี้ก็เป็นจังหวะที่วงเพิ่งเริ่มกลับมาทำงานหลังจากที่หยุดพักวงไปร่วมครึ่งปีเนื่องจากอิเค (นักร้องนำคนเก่า) เข้ารับการผ่าตัดติ่งเนื้อที่เส้นเสียง จากอาการป่วยนั้นทำให้ไม่สามารถร้องเพลงได้ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจทวีตว่าจะออกจากวงโดยไม่ได้ปรึกษาใครเลยแม้แต่คนในวง สร้างความตกใจให้ทั้งเพื่อนร่วมงานและแฟนคลับอย่างมาก หลังจากมีการพูดคุยและหาทางออกร่วมกันหลังจากเหตุการณ์นั้นอิเคก็ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดและพักฟื้นจนกลับมาแข็งแรงและเริ่มทำงานกันอีกครั้ง และเพลงแรกที่กลับมาทำงานก็คือเพลง I’m a believer นี้นั่นเอง
เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่ได้ถูกอัดใหม่เป็น New Version เช่นกัน ถูกปล่อยให้ฟังทางสตรีมมิ่งวันที่ 17 ธันวาคม 2023 หลังจากที่ออฟฟิเชียลไฮคิวปล่อย Teaser ของมูฟวี่ศึกกองขยะพร้อมประกาศว่าเพลง Orange ของ SPYAIR จะถูกนำมาใช้เป็นเพลงประกอบในวันที่ 16 ธันวาคม 2023
One Day (ED ー Anime Season 4.2 / TO THE TOP 2)
เพลงปิดไฮคิวเพลงแรกของ SPYAIR กับแมทช์ที่คาราสึโนะแข่งกับอินาริซากิ
เป็นเพลงที่โมมิเคนเขียนขึ้นเองทั้งเนื้อร้องและทำนอง ซึ่งเป็นเพลงแรกที่มีแพทเทิร์นการทำเพลงต่างออกไปจากปกติของวงที่ทำนองจะเขียนขึ้นโดยยูจิและเนื้อเพลงเขียนขึ้นโดยโมมิเคน
เนื่องจากเป็นมือเบสและยังไม่คล่องกับกีต้าร์เท่าไหร่ในตอนนั้น การเริ่มทำเดโม่เพลงนี้เกิดขึ้นจากการใช้เบสดีดแทนกีต้าร์ และได้มีการปรึกษากับยูจิซึ่งตอนนั้นไปเรียนภาษาอยู่ที่ LA อยู่เป็นระยะ เนื่องจากไม่ใช่ทำนองที่ยูจิทำ โมมิเคนเลยมีความกังวลอย่างมากกับ “ความเป็น SPYAIR” ของเพลงนี้ กลัวว่าเพลงที่ออกมาจะไม่มีความเป็น SPYAIR และกลัวว่าผู้ฟังและแฟนคลับจะไม่ชอบความใหม่ที่เข้ามาและแปลกไปจากเดิมเลยพยายามเขียน melody line ขึ้นให้ใกล้เคียงกับความเป็นวงที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ส่วนหนึ่งโมมิเคนยกให้เป็นเครดิตของเสียงนักร้องคนเก่าอย่างอิเคที่ลายเซ็นเสียงของเขาทำให้มีความเป็น SPYAIR ได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
เนื้อเพลงของเพลงนี้นึกถึงไฮคิวแล้วเขียนออกมาด้วยเวิร์ดดิ้งที่ว่า “ถ้ามุ่งหน้าสู่ความฝันด้วยความพยายาม วันนึงมันต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน” ซึ่งส่วนหนึ่งของข้อความนี้มาจากประสบการณ์ของวงเองที่พยายามจนสำเร็จตามเป้าหมายมาแล้วด้วยนั่นเอง
หลังจากมีการเปลี่ยนนักร้องเป็นโยสุเกะ ได้มีการอัดเพลง One Day ขึ้นใหม่เป็น New Version โดยที่มีการปรับคีย์ร้องสูงขึ้นให้เข้าใกล้ท็อปคีย์ของโยสุเกะ เป็นคำแนะนำจากทาสุกุซังที่เป็นทั้งโปรดิวเซอร์และซัพพอร์ตกีต้าร์ให้กับ SPYAIR มาอย่างยาวนาน ได้เป็นเพลง One Day ในอีกเวอร์ชั่นที่เหมือนเป็นอีกรสชาติหนึ่งไปเลย
オレンジ (Orange)
(OST. Haikyuu!! the Movie: The Dumpster Battle)
เป็นเพลงที่วงได้รับการติดต่อจากทีมผลิตมูฟวี่ไฮคิวมาหลังจากประกาศตัวนักร้องนำคนใหม่ได้เพียง 2 เดือน ท่ามกลางความไม่มั่นใจของสมาชิกในวง แต่ไฮคิวกลับเชื่อมั่นในตัว SPYAIR อย่างไม่มีเงื่อนไข ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่ไฮคิวหยิบยื่นให้กับวง เป็นไทม์มิ่งที่ช่วยให้วงที่เปลี่ยนนักร้องเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
เพลง オレンジ (Orange) และความเชื่อมถึงกัน(繋ぐ)กับเพลงไฮคิวอื่นๆ ที่ผ่านมาของวง
ว่าด้วยเรื่อง MV เนื้อเพลง และความหมายของชื่อเพลง
หากทุกคนสังเกตดีๆ ใน MV เพลง Orange จะมีซีนหรือฉากที่อาจจะคุ้นตาอยู่บ้าง นั่นเพราะ SPYAIR เอากิมมิก/แพทเทิร์นของ MV จาก 3 เพลงก่อนหน้าอย่างเพลง Imagination / I'm a believer / One Day เข้ามาใส่ไว้ใน MV Orange นี้นั่นเองค่ะ
เพราะอะไร? อ้างอิงจากสัมภาษณ์นิตยสารหลายเล่มที่ออกในช่วงที่ผ่านมาเรื่องเกี่ยวกับเนื้อเพลงที่โมมิเคนเขียนขึ้นให้เพลง Orange นี้ โมมิเคนได้เขียนเนื้อเพลงเชื่อมกับเพลงไฮคิวที่ SPYAIR ทำให้ 3 เพลงก่อนหน้า มีส่วนของเนื้อเพลงแต่ละเพลงที่เอามาลงในเพลง Orange กล่าวถึงในลักษณะที่เวลาเข้ามามีผลเหมือนว่าเรื่องราวในมูฟวี่นี้มาจากความพยายามและเรื่องราวในครั้งก่อนๆ กว่าจะมาถึงวันนี้
รวมไปถึงใช้มู้ดโทนสีส้ม การใส่องค์ประกอบของไฮคิวอย่างยิมที่ใช้ในการแข่งฮารุโคว (การแข่งวอลเล่ย์บอลระดับม.ปลาย ระดับประเทศญี่ปุ่น) รวมไปถึงแมวและอีกาเป็นสัญลักษณ์ของทีมโรงเรียนมัธยมปลายคาราสุโนะ(อีกา) และโรงเรียนมัธยมปลายเนโกมะ(แมว) ซึ่งเป็นทีมที่แข่งกันในมูฟวี่นี้
🍊สีส้มที่ว่าก็มีความหมายค่ะ
โมมิเคนผู้เขียนเนื้อเพลงบอกว่า "สีส้ม" ที่ว่าเป็นไตเติ้ลเพลงน่ะมันมาจากอิมเมจที่ว่าพอวันนึงสิ้นสุดลง "สีส้ม" ของยามเย็นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมุ่งสู่วันพรุ่งนี้ มันคือความไม่คงทนของวัยรุ่นและความรู้สึกคาดหวังในอนาคตที่ก่อขึ้นและทับถมสะสมมา ซึ่ง “จุดสิ้นสุดของวัยรุ่น” นี้เป็นโจทย์หลักที่ได้รับบรีฟมาจากทีมผลิตและผู้กำกับมูฟวี่ในครั้งนี้
🍊"ยามพระอาทิตย์ตกดินฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มมันคือสัญญาณของการสิ้นสุดวัน เปรียบเหมือนกับจุดสิ้นสุดของวัยรุ่น แต่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดซะทีเดียวเพราะพรุ่งนี้พระอาทิตย์ดวงใหม่ของวันใหม่ก็จะขึ้นมาอยู่ดีเปรียบเหมือนการก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เป็นการเริ่มต้นของจุดสิ้นสุด เพื่อเริ่มต้นใหม่" (โมมิเคน)
ภาพกว้างๆ ของเพลงนี้ มันคือการที่ความพยายามพาเรามาจนถึงจุดที่รอคอย related กับมูฟวี่ศึกกองขยะที่ฮินาตะบอกเคนมะว่ามันเป็น "もう一回がない試合(การแข่งที่ไม่มีคำว่าอีกครั้ง)" เพลงเล่าเรื่องแบบ emotional ที่ว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้มันไม่ง่ายแต่ก็มาถึงแล้ว และด้วยความที่มันเป็นเหมือนโอกาสครั้งเดียว เนื้อเพลงท่อน "あと一秒だけ、もう一秒だけ (แม้อีกเพียง1วินาที อีกแค่วินาทีเดียว)" สื่อให้เห็นแบบนั้นว่าไม่ว่าจะยังไง อีกแม้แต่แค่1วินาทีเท่านั้นมันก็ยังมีลุ้น แบบอีกนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะแพ้หรือจะชนะก็ต้องสู้ให้สุดจนวินาทีสุดท้ายเพราะมันเป็นโอกาสแค่ครั้งเดียว ดนตรีช่วง Dメロ (ท่อนที่ไฮคิวเอามาใช้ใน Teaser) ตรงท้ายเพลงโยสุเกะบอกว่ามันให้ความรู้สึกแบบ "ไปเลย! ลุยเลย!" ฟีลดันหลังขั้นสุดว่าต้องพยายามเท่านั้น
→ ในส่วนของเนื้อเพลง Orange ที่เชื่อมกับ 3 เพลงก่อนหน้า
(แอดแปลเองนะคะ ยังไงถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ🥲🙏)
揺れる陽炎 すべり出す汗
響きあう声 叩きあう肩
(イマジネーション)
すべり出す汗と響いた声
叩きあえた肩 笑いあって泣いて
(オレンジ)
ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ขึ้นที่กระทบมา เหงื่อกาฬที่ไหลหลั่งออกมา
เสียงที่ดังก้อง ไหล่ที่กระทบลงมา
(Imagination)
เหงื่อที่หลั่งไหลกับเสียงที่เปล่งออกไป
ไหล่ที่ได้กระทบลงมานั้น เคล้าเสียงหัวเราะและร้องไห้
(Orange)
ーーーーー
息を切らしながら 走り続けて
追いかける日々と胸の熱さ
(アイム。ア。ビリーバー)
息を切らしただ走り続け
追いかけてたのは胸の熱さだろ
(オレンジ)
ลมหายใจที่ขาดช่วงในขณะที่วิ่งต่อไป
แต่ละวันที่วิ่งไล่ตามด้วยใจที่ร้อนรุ่ม
วิ่งตามคืนวันด้วยใจที่ร้อนรุ่ม
(I'm a believer)
ลมหายใจเหนื่อยหอบ แต่ก็ยังคงวิ่งต่อไป
การวิ่งไล่ตามนั้นน่ะ คือความรุ่มร้อนในอกยังไงล่ะ
(Orange)
ーーーーー
確かなことはいつか
わかる時が来るから
間違ったっていいさ
いま想いを止めないで
(One Day)
確かなことだっていつかわかるから
間違ってもいいよ怖がらないで
君は君でいい
(オレンジ)
เพราะความเป็นจริง ของจริงนั้น
สักวันนึงก็จะได้รู้
จะผิดจะพลาดก็ไม่เป็นไร
แต่อย่าได้หยุดความคิดในตอนนี้
(Oneday)
เพราะความแน่นอน/ความจริงน่ะสักวันนึงก็จะได้รู้
ถึงจะผิดพลาดก็ไม่เป็นไรหรอก อย่ากลัวไปเลย
เธอเป็นเธอนั่นแหละดีแล้ว
(Orange)
#SPYAIR #オレンジ #ハイキュー #hq_anime
📍MV Orange / SPYAIR
ประวัติของ SPYAIR และการหานักร้องคนใหม่
SPYAIR เป็นวงร็อคจากนาโงย่า ฟอร์มวงขึ้นในปี 2005 และเริ่มทำกิจกรรมวงตั้งแต่นั้นมา กิจกรรมวงในช่วงแรกเริ่มมาจากตั้งวงเล่นดนตรีกันริมทางเท้ามาก่อน เริ่มจากคนดูเป็น 0 วงเลยเริ่มเล่นกลางแจ้ง ลงหลักปักฐานที่ลานกว้างซากาเอะซึ่งอยู่ตรงบริเวณแยกใหญ่และมีคนผ่านไปผ่านมา ด้วยจุดมุ่งหมายในการเล่นในพื้นที่โล่งก็เพื่อให้ทุกคนที่ผ่านไปมาตามถนนได้ยินเสียงเพลงของพวกเขา
สมาชิกหลักเริ่มต้นมี 4 คน คือ อิเค(นักร้องนำคนเก่า) โมมิเคน(มือเบส) ยูจิ(มือกีต้าร์) และเคนตะ(มือกลอง) โดยที่เพลงของพวกเขาเกือบทั้งหมด ตัวเพลงและดนตรีนั้นถูกเขียนขึ้นโดยยูจิ และเนื้อเพลงถูกเขียนขึ้นโดยโมมิเคนเป็นรูปแบบหลัก
วง SPYAIR เมเจอร์เดบิวต์ในปี 2010 วงต่อสู้กับความยากลำบากหลายอย่างแต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควรในช่วงแรก จนกระทั่งมีผลงานดังอย่าง Some Like It Hot!! เป็นเพลงประกอบอนิเมะกินทามะ (Gintama) และเป็นเพลงอนิเมะเพลงแรกของวง จึงได้เริ่มเป็นที่รู้จักและมีผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่นั้น อีกทั้ง performance ที่ยอดเยี่ยมจนวันนึงวงสามารถจัดงานแสดงเดี่ยวแบบกลางแจ้งที่ความจุราว 15,000 คนที่ฟูจิคิวได้จนเป็นงานแสดงประจำปีของวงที่ใช้ชื่อว่า “JUST LIKE THIS” และทำกิจกรรมแบบนั้นเรื่อยมา วงได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งวันที่ 31 มีนาคม 2022 มีประกาศการถอนตัวของนักร้องนำคนเก่าอย่างกระทันหันโดยให้เหตุผลเนื่องจากอาการป่วย วงเสียศูนย์อย่างหนัก มาถึงทางแยกต้องเลือกระหว่างจะพาชื่อ SPYAIR ไปต่อหรือจะให้ทุกอย่างจบลงตรงนั้น แม้ว่าการที่วงเสียนักร้องและเสียงร้องเพลงที่คุ้นหูทุกคนนั้นจะเรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรจาการยุบวงเลยก็ตาม แต่สุดท้ายทั้ง 3 คนที่เหลือก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อเพราะยังไม่อยากทิ้งชื่อ SPYAIR ที่สร้างมาด้วยกันไปง่ายๆ เลือกที่จะลองดูสักตั้ง “แม้ว่าจะต้องคลานหรือกระเสือกกระสนก็ตาม” ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากแฟนคลับบางส่วนที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมากมายตลอด 1 ปีที่วงไม่มีนักร้อง เป้าหมายหลักของวงคือการกลับไปเล่น JUST LIKE THIS ที่ Fuji-Q Highland อีกครั้งซึ่งเป็นงานแสดงที่มีความสำคัญทางจิตใจต่อวงและแฟนคลับอย่างมาก
วงได้เริ่มเตรียมการสำหรับการรับสมัครออดิชั่นนักร้องนำคนใหม่ด้วยการเปิดช่อง YouTube ที่ชื่อว่า スパイエアー、ボーカル探してます (SPYAIR กำลังหานักร้องอยู่) เริ่มเปิดรับสมัครออดิชั่นวันที่ 25 พฤศจิกายน 2022 ถึง 25 ธันวาคม 2022 วงและสต๊าฟพยายามคัดเลือกนักร้องใหม่อย่างละเอียดและให้เข้ากับวงมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการพูดคุยความเป็นไปได้ในแง่ลบแบบเลวร้ายที่สุดเลยคือการที่ไม่สามารถหานักร้องใหม่ได้อยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขาก็รู้ดีว่าการที่หาคนใหม่ที่มาเข้ากับวงกับเพลงได้มากที่สุดไม่ได้จะหากันง่ายๆ แทบจะพูดได้ว่าต้องพึ่งปาฏิหาริย์เลยด้วยซ้ำ ยูจิถึงกับพูดว่าถ้าหานักร้องไม่ได้จะให้คอนเสิร์ตกลางแจ้ง JUST LIKE THIS ปี 2023 เป็นไลฟ์สุดท้ายของวง
13 เมษายน 2023 SPYAIR ได้ประกาศนักร้องนำคนใหม่ที่มาจากการออดิชั้นจากบรรดาผู้สมัครกว่า 1,000 คน และคนนั้นคือ “โยสุเกะ” เด็กหนุ่มจากฟุกุโอกะวัย 24 ปีในตอนนั้น พร้อมประกาศจัด JUST LIKE THIS 2023 (JLT2023) อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เป็นงานหนักของโยสุเกะที่ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ขนาดนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยระยะเวลาในการเตรียมตัวเพียง 4 เดือนเท่านั้น กับ Setlist เต็มไลฟ์ 20 เพลง แต่สุดท้ายคอนเสิร์ตครั้งนั้นก็ผ่านมาด้วยดีและเต็มไปด้วยความประทับใจของทั้ง SPYAIR และแฟนคลับเองเช่นกัน
หลังจากนั้นมาวงมีการปล่อยผลงานเพลงหลายเพลง ทั้งการนำเพลงเก่าที่เคยปล่อยมาอัดเสียงใหม่เป็น New version และผลงานเพลงที่ทำขึ้นใหม่ ซึ่งเพลงล่าสุดคือเพลง オレンジ (Orange) ที่ชาวไฮเคี่ยนรู้จักกันดีในฐานะเพลงประกอบมูฟวี่ไฮคิวศึกกองขยะ ซึ่งช่วยให้คนจำนวนมากได้ฟังผลงานเพลงของวงหลังจากการเปลี่ยนนักร้องกันเป็นวงกว้าง และทำให้เห็นว่าถึงแม้จะเปลี่ยนนักร้อง แต่ความเป็น SPYAIR ยังไม่หายไปไหน
SPYAIR เพิ่งจะจบ Orange Tour 2024 ในญี่ปุ่นไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ในเดือนเดียวกันยังมี Orange Asia Tour ที่ไทเป เซี่ยงไฮ้ และเกาหลีรวม 4 รอบการแสดง แบะจะขึ้นแสดงงาน JUST LIKE THIS 2024 (JLT2024) ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ทำความรู้จักนักร้องนำคนใหม่ที่ชื่อว่า “โยสุเกะ”
โยสุเกะ เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม 1998 (อายุ 25 ปี) บ้านเกิดคุรุเมะ จ.ฟุกุโอกะ ได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาจากการชื่นชอบวงดนตรีตะวันตกของคุณพ่อ (เช่น วง KISS) ทำให้โยสุเกะเริ่มหัดเล่นกีต้าร์มาตั้งแต่ 7 ขวบและเล่นมาตลอด ในตอนแรกเส้นทางดนตรีของโยสุเกะเริ่มมาจากการเป็นมือกีต้าร์ในชมรม จากนั้นได้เริ่มร้องเพลงของชมรมสมัยมัธยมปลายจากคำขอของรุ่นพี่ โดยเริ่มจากการร้องเพลงของวง ONE OK ROCK
โยสุเกะมาจากการออดิชั่นนักร้องนำคนใหม่ของ SPYAIR ช่วงปลายปี 2022 ในการออดิชั่นนั้น จากผู้สมัคร 1,000 คนในรอบแรกมีผู้ที่ผ่านเข้ารอบที่ 2 เพียง 17 คน
โยสุเกะถูกเลือกเข้ามาคัดในรอบที่ 2 เพราะเสียงร้องทำให้วงและสต๊าฟสนใจที่จะมาเจอกันแบบตัวเป็นๆ แม้ว่าในตอนแรกเกือบจะโดนคัดออกแล้วเพราะคลิปที่ส่งออดิชั่นเข้ามานั้นใส่หมวกปิดหน้าจนเกือบมิด โชคดีที่ในการสมัครได้ให้กรอกช่องทางโซเชียลไว้ด้วย วงและสต๊าฟเลยได้เห็นหน้าโยสุเกะชัดๆ ก่อนจะให้ผ่านรอบแรกเพื่อมาเจอกันในสตูดิโอ
และจาก 17 คนในรอบที่ 2 นั้น มีเพียงโยสุเกะคนเดียวที่ผ่านเข้ามาถึงรอบที่ 3 และ 4 ได้ และได้มาเป็นนักร้องใหม่ของวง ซึ่งประกาศเปิดตัวเมื่อ 13 เมษายน 2023
ก่อนที่โยสุเกะจะมาออดิชั่น เดิมทีโยสุเกะมีวงอินดี้ที่ทำร่วมกับเพื่อนอยู่ที่ฟุกุโอกะ ชื่อวง “20/Around” โดยที่มีโยสุเกะเป็นนักร้องนำและเป็นเมนหลักในการทำเพลงของวง
วง 20/Around ประกาศยุบวงในต้นปี 2022 ก่อนที่ SPYAIR จะเสียนักร้องไปเพียง 1 เดือน โยสุเกะและเพื่อนร่วมวงแยกจากกันด้วยดีไปตามเส้นทางของดนตรีของแต่ละคน
หลังจากที่วงของโยสุเกะยุบตัวลง โยสุเกะเริ่มทำงานโซโล่ของตัวเองในชื่อ “YosuKe” อยู่เป็นเวลาหลายเดือน โยสุเกะบอกว่ามันอิสระก็จริงแต่มันเหงามากต่างกับการทำงานเป็นวง และการทำงานคนเดียวมันทำให้ไม่รู้ผิดรู้ถูก แต่ก็ยังคงทำงานแบบนั้นต่อมาเรื่อยๆ เพราะไม่อยากทิ้งเส้นทางด้านดนตรีที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตสำหรับโยสุเกะ และหวังว่าสักวันนึงถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปเป็นนักร้องของวงไหนสักวงอีกครั้ง
โยสุเกะไม่ได้เป็นแฟนคลับของ SPYAIR รู้จักและเคยฟังแค่บางเพลงเท่านั้น เขาเจอกับช่อง YouTube ที่ SPYAIR ทั้ง 3 คนเปิดขึ้นมาเพื่อหานักร้องใหม่โดยบังเอิญ ในตอนที่กำลังจะเข้าไปเปิดฟังเพลง 0GAME ของ SPYAIR ซึ่งเป็นเพลงที่ชอบจากภาพยนตร์ The Amazing Spider-Man 3D (เพลงประกอบที่ใช้เฉพาะในญี่ปุ่น) ได้มีคลิปตามหานักร้องของ SPYAIR แนะนำขึ้นมาบนจอเลยรู้ว่าวงกำลังหานักร้องอยู่ โยสุเกะเลยได้ติดตามและลองสมัครออดิชั่นเข้ามา และได้ถูกรับเลือกเป็นนักร้องนำคนใหม่ในที่สุด
ผลงานปัจจุบัน (2023-2024)
Some Like It Hot!! -New Version
Imagination -New Version-
I’m a believer -New Version-
RE-BIRTH
→ เพลง RE-BIRTH เป็นเพลงใหม่เพลงแรกของวงที่มีโยสุเกะเป็นนักร้องนำ เพลงนี้โยสุเกะได้มีส่วนร่วมในการเขียนทั้งทำนองและเนื้อร้องร่วมกับยูจิและโมมิเคน เพื่อแสดงสไตล์และด้านใหม่ๆ ให้ได้เห็นกันผ่านเพลงใหม่เพลงแรกนี้
เพลง RE-BIRTH นี้ ถูกนำไปใช้เป็นเพลงธีมงานแสดงเดี่ยวกลางแจ้งขนาดใหญ่ของวงอย่างงาน JUST LIKE THIS 2023 ด้วย
オレンジ(Orange) / OST. Haikyuu!! The Dumpster Battle
[Album] JUST LIKE THIS 2023 Live (บันทึกเสียงแสดงสด)
→ เป็นเสียงบันทึกการแสดงสดจาก JLT2023 รวมทั้งหมด 20 เพลง เพลงของ SPYAIR ด้วยเสียงโยสุเกะจาก Performance สดวันที่ 11 สิงหาคม 2023 โดยที่โยสุเกะมีเวลาเตรียมตัวสำหรับงานนี้เพียง 4 เดือนเท่านั้น
[LIVE DIGEST] JUST LIKE THIS 2023
→ ตัวอย่าง Performance ของโยสุเกะและพี่ๆ ในวง ถึงแม้ว่าจะเป็นการขึ้นเวทีที่ใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรกของโยสุเกะและมีความเครียดค่อนข้างสูงในตอนต้น มีอาการสั่นเล็กน้อย แต่พอเริ่มคุ้นเคยกับเวทีโยสุเกะก็ทำได้ดีและสนุกไปกับทุกคนได้อย่างเป็นธรรมชาติ พลังล้นวิ่งไปวิ่งมาทั่วเวทีจนพี่ๆ งงเหมือนกันว่าไปเอาแรงมาจากไหน
ช่องทางติดตาม & เว็บแฟนคลับของวง
OFFICIAL SOCIAL MEDIA (band/personal)
OFFICIAL SITE (PAID CONTENTS)
Official mobile site : AIR-GATE
> ค่าสมัครรายเดือน 330 เยน/เดือน (รวม vat)
> ลงล็อตโต้งานแสดงของวงรอบพิเศษก่อนใคร
> Movie/gallary พิเศษ เฉพาะ AIR-GATE
> คอนเสิร์ตและอีเวนท์พิเศษ เฉพาะ AIR-GATE
> รายการวิทยุของโมมิเคน (อัปเดตทุกวันศุกร์)
> ... and more
MySPYAIR
> ค่าสมัครรายเดือน 1,000 เยน/เดือน (รวม vat)
> contents ลับเฉพาะ MySPYAIR
(blog เฉพาะเมมเบอร์ เรื่องราวที่ไม่เปิดเผยที่ไหน, คลิปพิเศษเบื้องหลังต่างๆ ซึ่งดูย้อนหลังได้ตลอดเวลา, สุ่มแจกของขวัญตามโอกาส ฯลฯ)
> live stream พิเศษ เช่น หลังจบคอนเสิร์ต, พูดคุยเรื่องราวต่างๆ
> ... and more
THAILAND FANPAGE
Facebook: Spyair Thai Family
Twitter(X): SPYAIR THAI FAMILY (@SPYAIR_THAILAND)
[BONUS]
ว่าด้วยเรื่องการคาดหน้าด้วยสีดำของโมมิเคน
อย่างที่หลายๆ คนทราบ SPYAIR จะมีเอกลักษณ์ของวงอย่างหนึ่งคือจะมีสมาชิกวงคนหนึ่งที่มีแถบสีดำคาดอยู่บนหน้า เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากชนิดที่ว่าถึงแม้จะไม่ใช่แฟนคลับวง ไม่ได้รู้จักวงเป็นพิเศษ หรือไม่รู้ชื่อวงก็ตาม แต่ก็จะถูกจดจำได้เสมอว่าเป็น “วงที่มีคนคาดหน้าดำๆ อยู่” ซึ่งคนนั้นคือ โมมิเคน มือเบสและลีดเดอร์ของ SPYAIR นั่นเอง แต่ที่มาที่ไปคืออะไร วันนี้จะมาเล่าให้ได้อ่านกันค่ะ
เดิมทีช่วงต้นสมัยอินดี้ที่นาโงย่าบ้านเกิด SPYAIR ได้มีการหารือกันเพื่อหาเอกลักษณ์บางอย่างให้วงเป็นที่จดจำได้ง่าย บทสรุปจบลงที่การใส่ “หน้ากากกันแก๊ส”
ในตอนแรกจะต้องใส่หน้ากากกันทุกคน แต่ก็พบปัญหาว่านักร้องนำไม่สามารถใส่ได้เพราะจะเป็นปัญหากับการร้องเพลง ออกเสียงได้ไม่ชัด และหลังจากนั้นยูจิและเคนตะลืมหน้ากากไว้ที่งานหนึ่งและหายไป สุดท้ายเลยเหลือโมมิเคนคนเดียวที่ใส่หน้ากากกันแก๊สนี้
โมมิเคนไม่ใช่แค่ใส่หน้ากากกันแก๊สเวลาทำงาน แต่ต้องปกปิดใบหน้าภายใต้หน้ากากตลอดเวลา คล้ายตัวละครลับของวงที่ไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าได้
ช่วงที่ SPYAIR ใกล้จะเดบิวต์ มีการหารือกันเรื่องการเปลี่ยนจากหน้ากากแก๊สเป็นเอกลักษณ์อย่างอื่นแทน เหตุผลที่เล่าต่อๆ กันมานั้นเป็นเพราะหน้ากากหลุดตอนถ่าย MV และอาจจะเป็นความไม่สะดวกต่อไปในอนาคตได้ โมมิเคนเล่าในรายการโทรทัศน์ปี 2021 ถึงเหตุผลที่เปลี่ยนจากหน้ากากกันแก๊สมาเป็นคาดหน้าสีดำ (เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า 黒いライン/คุโร่ยไลน์) มีที่มาจากภาพยนตร์ที่โมมิเคนชอบเรื่องหนึ่งในสมัยนั้น มีตัวละครที่แต่งหน้าคาดด้วยสีดำแบบนี้เช่นกัน การแต่งหน้าแบบนั้นจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของวงมาจนถึงปัจจุบัน และทุกครั้งไม่ได้แต่งหน้าโมมิเคนจะสวมแว่นกันแดดเสมอ
ผมทรงบ๊อบอันเดอร์คัทสีดำสนิทไม่ทำสี คาดหน้าด้วยเจลไลน์เนอร์สีดำ (ไม่ใช่การสักอย่างที่หลายคนเข้าใจ) กลายเป็นสไตล์ของโมมิเคนมาตลอดร่วม 12 ปีตั้งแต่เมเจอร์เดบิวต์ในปี 2010 เป็นต้นมา แม้ว่าเมื่อก่อนวงจะถูกขนานนามว่า “วงเรียกฝน” เพราะจะเจอฝนตกแทบทุกครั้งที่มีงานแสดง แต่เจลไลน์เนอร์ก็ติดทนสู้แดดสู้ฝน ทนเหงื่อทนพายุสุดๆ
ในปี 2022 หลังจากที่นักร้องนำประกาศถอนตัวออกจากวง โมมิเคนเริ่มลองทรงผมใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมบ้างเล็กน้อย เดือนตุลาคม 2022 โมมิเคนได้ลองทำสีผมครั้งแรกในรอบ 12 ปี พร้อมกับความกังวลว่าจะเข้ากับเมคอัพบนหน้ามากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่นั้นมาโมมิเคนก็ยังทำสีผมมาตลอด แต่ก็ยังคงแถบเจลไลน์เนอร์บนหน้าเป็นเอกลักษณ์เช่นเดิมค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบนะคะ
ขอฝากวง SPYAIR และเพลง オレンジ (Orange) กับชาวไฮเคี่ยนทุกคนด้วยค่ะ 🥺❤️